ผลการวิจัยโดยสถาบันทดสอบอิสระชี้ผลิตภัณฑ์ โทนเนอร์เอชพีของแท้ มีประสิทธิภาพเหนือว่าผลิตภัณฑ์แบบผงหมึกเติม

24 Jun 2010

กรุงเทพฯ--24 มิ.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน

ผลการทดสอบชี้ผลิตภัณฑ์แบบผงหมึกเติมมีปัญหาด้านการยึดเกาะของโทนเนอร์มากกว่าผลิตภัณฑ์ของเอชพีถึง 7 เท่า ขณะที่ผลิตภัณฑ์แบบผงหมึกเติมอีกกว่าร้อยละ 60 ขาดความน่าเชื่อถือ

เอชพีประกาศผลการวิจัยล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ตลับผงหมึกพิมพ์แท้เอชพีของแท้มีประสิทธิภาพสูงกว่าตลับผงหมึกโทนเนอร์แบบเติม ที่นำมาทดสอบอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านความน่าเชื่อถือ คุณภาพการกระจายต่อหน้า ความหนาแน่นออพติคัล และการยึดเกาะของผงหมึก การศึกษาดังกล่าวดำเนินการโดยสถาบัน QualityLogic ในปี 2553

สถาบัน QualityLogic เป็นหนึ่งในสถาบันทดสอบเพื่อรับรองคุณภาพอิสระที่ได้รับ

การยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ดำเนินการทดสอบดังกล่าวในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย การศึกษาดังกล่าวมีชื่อว่า “การวิจัยเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือ ระหว่างตลับผงหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ของเอชพี กับตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” โดยมีการเปรียบเทียบตลับ

ผงหมึกพิมพ์สีดำของแท้สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ของเอชพีกับตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติม ผลการศึกษาดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้ของเอชพี ทดสอบแล้วว่ามีประสิทธิภาพการใช้งานดีกว่าอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเทียบกับตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติม ที่นำมาทดสอบ

การศึกษาในครั้งนี้บ่งชี้ว่า โดยเฉลี่ยแล้วตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมกว่าร้อยละ 60

ที่นำมาทดสอบ เป็นสินค้าที่ชํารุดหรือไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรก (DOA) หรือ ไม่ก็มีคุณภาพต่ำ และมีปัญหาด้านการยึดเกาะของผงหมึกโดยเฉลี่ยมากกว่า ตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้ของเอชพีถึง 7 เท่า ไม่เพียงเท่านี้ การศึกษายังพบว่ากว่าร้อยละ 60 ของจำนวนหน้ากระดาษที่พิมพ์โดยใช้ตลับผงหมึกเติม พบว่าไม่สามารถนำมาใช้ได้ อย่างเต็มที่ และมีสีซีดจางกว่าเมื่อทดสอบกับแพทช์สีสามสี เมื่อเทียบกับตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ของเอชพี

“ลูกค้าที่คิดว่าพวกเขาสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้โดยการเลือกใช้ตลับผงหมึกพิมพ์ แบบเติมหมึกนั้นกำลังคิดผิด เนื่องจากพวกเขาไม่ได้คำนึงไปถึงค่าใช้จ่ายแอบแฝง ซึ่งมีตั้งแต่การพิมพ์ซ้ำ การเปลี่ยนตลับผงหมึกพิมพ์ และงานพิมพ์ที่ออกมามีคุณภาพต่ำ และมีปัญหาการยึดเกาะของผงหมึกซึ่งซีดจางกว่างานพิมพ์ที่ได้จากตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้ของเอชพี” มร.เดฟ จอลโลตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ QualityLogic Inc. กล่าว

ผลจากการวิจัยที่สำคัญ(1)

ความน่าเชื่อถือของตลับผงหมึกพิมพ์

  • กว่าร้อยละ 60 ของตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมที่นำมาทดสอบพบว่ามีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง

ร้อยละ 11 ของตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมที่นำมาทดสอบพบว่า ปัญหาหลังจากติดตั้งได้ไม่นาน

มากกว่าร้อยละ 50 หรือครึ่งหนึ่งของตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมที่นำมาทดสอบ พบว่ากระดาษที่พิมพ์ออกมาอย่างน้อยครึ่งหน้าไม่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างเต็มที่

ในทางกลับกัน ตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้ของเอชพีที่นำมาทดสอบ ไม่พบว่ามีปัญหาเลย และสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดเวลา

คุณภาพการกระจายต่อหน้า

หน้ากระดาษที่พิมพ์จากตลับผงหมึกพิมพ์ของแท้ของเอชพีที่นำมาทดสอบถึงร้อยละ 95 ของอยู่ในกลุ่มที่เป็นที่ยอมรับสำหรับการใช้งานทั้งหมด

หน้ากระดาษที่พิมพ์จากตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมเพียงร้อยละ 37

อยู่ในกลุ่มที่เป็นที่ยอมรับได้สำหรับการใช้งานทั้งหมด

ความหนาแน่นออพติคัล

  • โดยเฉลี่ยแล้ว งานพิมพ์ที่ได้จากตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมที่ทดสอบมีสีซีดจางกว่าประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของงานพิมพ์ที่ได้จากตลับผงหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์เอชพีเลเซอร์เจ็ทที่ทดสอบกับแพทช์สามสี (เทาอ่อน เทาเข้ม และสีดำ)

การทดสอบกับแพทช์สีเทาพบว่างานพิมพ์ที่ได้จากตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมกว่ามากร้อยละ 28 มีสีซีดจางกว่า

กว่าร้อยละ 25 ของงานพิมพ์ที่ได้จากตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมที่ทดสอบกับแพทช์สีเทาเข้มพบว่ามีสีซีดจางกว่า

ส่วนการทดสอบกับแพทช์สีดำพบกว่างานพิมพ์ที่ได้จาก ตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมที่ทดสอบให้สีซีดจางกว่าเกือบร้อยละ 10

การทดสอบความหนาแน่นออพติคัลจะคำนวณเป็นความแตกต่างเฉลี่ยในอัตราร้อยละของแต่ละหน้างานพิมพ์ที่พิมพ์จากตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติม นำมาเทียบกับประสิทธิภาพของงานพิมพ์จาก ตลับผงหมึกพิมพ์ของเอชพีโดยเฉลี่ยในแต่ละแพทช์สี (เทาอ่อน เทาเข้ม และดำ) สำหรับตัวอย่างหน้าที่ใช้แสดงผลทั้งหมด

การยึดเกาะของผงหมึก

โดยฉลี่ยแล้วตัวอย่างหน้ากระดาษที่พิมพ์จากตลับผงหมึกเติมที่ใช้ทดสอบแสดงให้เห็นว่ามีปัญหาด้านการยึดติดของโทนเนอร์มากกว่าตลับผงหมึกพิมพ์เลเซอร์เจ็ทแท้ของเอชพีถึง 7 เท่า

การทดสอบยึดเกาะของผงหมึกเป็นการวัดที่แสดงให้เห็นว่าแพทช์สีดำจะซีดลงเพียงใด หลังจากผ่านการทดสอบยึดเกาะของผงหมึกด้วยวิธีการดึงเทป (tape test) ซึ่งวิธีการดังกล่าวประกอบไปด้วยการติด เทปกาว 3M 600 ไว้กับแพทช์สีดำแล้วดึงออกโดยมีการควบคุม การทดสอบยึดเกาะของผงหมึกจำคำณวนเป็นอัตราส่วนเฉลี่ยระหว่างประสิทธิภาพของเอชพี และผลของงานพิมพ์จากตลับผงหมึกเติม แต่ละหน้า

ตลับผงหมึกพิมพ์แบบหมึกเติมที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้มาจากบริษัทผู้จำหน่ายใน เมือง เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

(1)

การศึกษาของสถาบัน QualityLogic ในปี 2010 เป็นการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของตลับผงหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์เลเซอร์เจ็ทของเอชพี กับตลับผงหมึกพิมพ์แบบเติมหมึก ที่ดำเนินการในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยทดสอบกับเครื่องพิมพ์รุ่น HP LaserJet M1319f และ HP LaserJet P1008 (ตลับหมึกพิมพ์แบบ 12A และ 88A รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถคลิกชมได้ที่ www.qualitylogic.com/refilltestAP.pdf.