ดั๊บเบิ้ล เอ ปรับตัวฝ่าวิกฤติโลก ได้ผลดีเกินคาด ปี 52 กำไรกว่า 2 พันล้าน เชื่อปี 53 ยังสดใส ความต้องการตลาดเพิ่มขึ้น ราคาเยื่อโลกสูงขึ้น ดันต้นทุนและราคากระดาษขยับตาม อาศัยความครบวงจร มีทั้งเยื่อและกระดาษ เตรียมรับกำไร 2 เด้ง เผยปี 53 มีแผนปรับเปลี่ยนแหล่งเงินทุนต่างประเทศ เป็นการออกตราสารหนี้ในประเทศ
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษ "ดั๊บเบิ้ล เอ" ซึ่งมีตลาดส่งออกทั่วโลก เปิดเผยว่า ปี 2552 เป็นปีที่ผู้ประกอบธุรกิจต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกกันอย่างกว้างขวาง บริษัทฯ จึงมีการปรับตัวและปรับองค์กรในหลาย ๆ ด้าน เช่น การควบรวมกิจการของบริษัทย่อยเข้ามายังบริษัท เพื่อลดงานซ้ำซ้อนหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทุกหน่วยงาน ถือเป็นปีที่คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารและพนักงานทุกคนต้องทำงานกันหนักที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ผลที่ได้รับก็เป็นที่น่ายินดีว่า ปี 2552 บริษัทฯ มีกำไรกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์
ดร.วีรพงษ์ กล่าวว่า “หลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายตลาดไปยังต่างประเทศ จนมีฐานลูกค้าอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา และแอฟริกา ประกอบกับความสำเร็จจากการสร้างตราสินค้าในประเทศต่าง ๆ โดยใช้นโยบายเดียวกันกับที่ได้ดำเนินการในประเทศไทย ทำให้ ดั๊บเบิ้ล เอ มียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกประเทศ ปัจจุบันกระดาษ "ดั๊บเบิ้ล เอ" เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า มีคุณภาพดีที่สุดในโลกรายหนึ่ง จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และสามารถขายได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาเยื่อและกระดาษในตลาดโลก”
อีกประการหนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นมาก คือ การดำเนินกิจกรรมการตลาดของบริษัท ซึ่งค่อนข้างจะสวนกระแส โดยปกติ เวลาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้ประกอบธุรกิจมักจะปรับลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดลง แล้วก็ขายสินค้าตัดราคาคู่แข่ง ซึ่งอาจรวมถึงคุณภาพและบริการที่ต่ำลงด้วย แต่บริษัทฯ มีนโยบายในการรักษาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และบริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการปลูกต้นกระดาษบนคันนา เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อน เนื่องจากต้นกระดาษจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยลดโลกร้อนและรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการใช้พื้นที่ว่างบนคันนาซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกษตรกรไม่เคยใช้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอีกด้วย ทำให้ลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศมีความมั่นใจกับกระดาษของดั๊บเบิ้ล เอทั้งในด้านคุณภาพและสิ่งแวดล้อม
ดร.วีรพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการ ปี 2553 จะดีกว่าเดิม ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันราคาเยื่อในตลาดโลกได้ปรับขึ้นไปเกิน 700 เหรียญสหรัฐต่อตันแล้ว จากจุดต่ำสุดในช่วงปลายปี 2551 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 350 เหรียญสหรัฐต่อตันเท่านั้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปอีก การปรับขึ้นของราคาเยื่อในตลาดโลก จะทำให้ผู้ผลิตกระดาษที่ไม่มีการผลิตเยื่อแบบครบวงจร เช่น โรงงานกระดาษในประเทศจีนที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า ต้องหยุดทำการผลิต เนื่องจากไม่คุ้มทุน ในขณะที่บริษัทฯ ซึ่งมีการผลิตทั้งเยื่อ และกระดาษแบบครบวงจร จะมีความได้เปรียบทั้งในด้านราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและอุปสงค์ที่ลดลง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็ได้เริ่มดำเนินการขยายตลาดกระดาษในตลาดใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงขึ้นในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะตลาดในแถบตะวันออกกลาง แถบเอเชียใต้ และอินเดีย เป็นต้น และในปี 2553 บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะปรับโครงสร้างการระดมทุนของกิจการ โดยจะมีการปรับเปลี่ยนแหล่งเงินทุนระยะยาวจากต่างประเทศ เป็นการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อบริหารต้นทุนเงินทุนของกิจการ ซึ่งจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้