น.ส.อัญชลี ปัทมาสวรรค์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กทม. เปิดเผยว่า สำนักผังเมืองได้ตรวจสอบความเสียหายของสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ตลอดจนทรัพย์สินทางราชการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบพบว่า รั้วเหล็กกันถนนแบบใหม่เสียหายจำนวนความยาว 42 เมตร เป็นเงินงบประมาณ 119,700.- บาท รั้วเหล็กกันถนนแบบเดิม เสียหายจากการถูกเพลิงไหม้ จำนวนความยาว 30 เมตร เป็นเงินงบประมาณ 68,400.- บาท ฝาบ่อพักท่อระบายน้ำ แตกหักชำรุดจำนวน 2 ฝา เป็นเงินงบประมาณ 18,240.- บาท เสาไฟฟ้าแสงสว่างสูง 8 เมตร ของเดิม หักจำนวน 1 ต้น เป็นเงินงบประมาณ 39,900.-บาท ขาเหล็กติดตั้งธง เสาไฟแบบใหม่ชำรุดจำนวน 6 ชุด เป็นเงินงบประมาณ 12,000.-บาท กระบะต้นไม้ชำรุดแตกหักจำนวน 2 จุด เป็นเงินงบประมาณ 1,368.- บาท ตู้โทรศัพท์สาธารณะแบบที่ 3 ถูกเพลิงไหม้และชำรุดจำนวน 3 ตู้ เป็นเงินงบประมาณ 20,520.- บาท ตะแกรงเหล็กคลุมหน้าดินต้นไม้เดิม ชำรุด จำนวน 5 ชุด เป็นเงินงบประมาณ 43,000.-บาท ต้นไม้พุ่มเตี้ยตาย ความยาวประมาณ 300 เมตร เป็นเงินงบประมาณ 171,000.-บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 494,128.-บาท ทั้งนี้สำนักผังเมืองจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขและบรรเทาความสูญเสีย ต่อไป
นอกจากนั้นสำนักผังเมืองได้สำรวจความเสียหายและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ว่าสมควรจะมีการปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ในพื้นที่หรือไม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์ในการป้องกันอัคคีภัย และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ซึ่งจากการตรวจสอบมีอาคารที่ถูกเพลิงไหม้ในช่วงเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ จำนวนทั้งสิ้น 44 อาคาร และอยู่ในเกณฑ์เป็นเขตเพลิงไหม้ 3 อาคาร ประกอบด้วย 1. พื้นที่เพลิงไหม้บริเวณห้างสรรพสินค้าเซนและศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ 2. พื้นที่เพลิงไหม้บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี 3. พื้นที่เพลิงไหม้บริเวณสยามสแควร์ ซอย 4, 5 และ 6 ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน
ทั้งนี้จากการสำรวจความเสียหายพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว พบว่ามีโครงข่ายคมนาคมโดยรอบพื้นที่เพียงพอ ยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ สามารถใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 ควบคุมการใช้พื้นที่ดังกล่าวได้