มารีน่า เบย์ แซนด์ส ได้มีการเปิดตัวคอมเพล็กซ์บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมความสูง 55 ชั้นไปเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2552 ซึ่งนับเป็นโครงการของรีสอร์ทระดับหรูในสิงคโปร์ท ี่หลายคนให้ความสนใจ โดยมีบรรดาผู้บริหารอาวุโสของบริษัทต่างเข้าร่วมฉลองโอกาสพิเศษนี้พร้อมกับสื่อมวลชนทั้งในพื้นที่และในระดับภูมิภาคกว่า 120 คน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐในสิงคโปร์ ทีมงานก่อสร้างและแขกผู้มีเกียรติอื่น ๆ เข้าร่วมงานอีกมากมาย มร.เชลดอน จี เอเดลสัน ประธานของ ลาส เวกัส แซนด์ส คอร์ป ได้เดินทางมาที่สิงคโปร์เพื่อร่วมงานครั้งนี้ด้วย โดยได้กล่าวถึงโอกาสสำคัญครั้งนี้ว่า “คอมเพล็กซ์บนดาดฟ้าของ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ถือเป็นโครงการก่อสร้างด้านวิศวกรรมที่สำคัญยิ่งโครงการหนึ่งของโรงแรม เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่สามารถนำเสนอสิ่งที่เราได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับชาวสิงคโปร์และทำให้สิ่งนี้เป็นจริงมากขึ้นไปอีกขั้น เรายังคงทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอรีสอร์ทแบบครบวงจรที่จะสามารถเป็นศูนย์การการเดินทางสำหรับภูมิภาคเอเช ียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป”
นอกจากนั้นในส่วนของทีมสถาปนิกและผู้ควบคุมการก่อสร้างต้องใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างขั้นสูงสำหรับการขนย้ายวัสดุขึ้นไปถึงชั้นที่ 55 ทีมก่อสร้างต้องใช้โครงเหล็กเพื่อยึดจุดเชื่อมระหว่างตัวอาคารฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกและใช้วิธีที่ทันสมัยเพื่อเชื่อมต่ออาคารทั้งสามและบริเวณจุดต่อเชื่อมต่างๆไม่ให้เกิดรอยรั่วหลังจากติดตั้งโครงเหล็กเสร็จสิ้นทีมงานจึงเริ่มการก่อสร้างชั้นของอาคารขึ้นใหม่โดยทุกๆ4วันจะสามารถก่อสร้างเสร็จสิ้นได้หนึ่งชั้นซึ่งนับว่ารวดเร็วที่สุดสำหรับการก่อสร้างบนอาคารสูงลักษณะนี้ที่เคยมีมาในสิงคโปร์ อย่างไรก็ตามสำหรับ มารีน่า เบย์ แซนด์ส จะกลายเป็นอีกจุดหมายในการเดินทางประจำภูมิภาคที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา โดยในอนาคตจะมีการก่อสร้าง สวนลอยฟ้า แซนด์ส และพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อแสดงผลถึง “การต้อนรับจากชาวสิงคโปร์” โดยจัดเป็นรีสอร์ทระดับโลกแบบครบวงจรใจกลางย่านธุรกิจ ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวและความบันเทิงที่พร้อมสรรพในอ่าว มารีน่า
ในส่วนของ สวนลอยฟ้า แซนด์ส ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างสำคัญของโรงแรมที่จะมีในลำดับต่อไป โดยทางผู้รับเหมาก่อสร้างจะต้องยกโครงสร้างเหล็กหนัก 7,000 ตัน ขึ้นไปบนตัวอาคารสูงถึง 200 เมตรโดยใช้เทคโนโลยีสำหรับสร้างสะพานขนาดใหญ่ ขั้นตอนในการยกส่วนประกอบ บางชิ้นอาจต้องใช้เวลาตลอดทั้งวัน หลังจากก่อสร้างเสร็จสิ้น สวนลอยฟ้า แซนด์ส จะมีความยาวในแนวนอนมากกว่าความสูงของหอไอเฟิล และถือเป็นดาดฟ้าชมวิว ที่เป็นสะพานยื่นที่ใหญ่ที่สุดโลก ปัจจุบันทางโรงแรมกำลังทำการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคารอย่างสวยงาม โดยในส่วนของดาดฟ้าจะมีการจัดพื้นที่ไว้สำหรับ การแสดงสินค้าและศูนย์ประชุม,คาสิโน พร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาพื้นที่ส่วนอื่น ๆ
มร.จอร์ช ทานาสิจีวิช ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานของสิงค์โปร์ เดลเวลลอปเม้นท์ ,บริษัท มารีน่า เบย์ แซนด์ส จำกัด กล่าวว่า มารีน่า เบย์ แซนด์ส จะกลายเป็นอีกจุดหมายในการเดินทางที่พร้อมสรรพไปด้วยความบันเทิง ศูนย์การประชุม ร้านอาหาร แหล่งจับจ่าย แหล่งผ่อนคลายสไตล์ลาสเวกัสและโรงแรมที่พักสุดหรูระดับโลก โดยให้มุมมองใหม่จากพื้นฟ้าของสิงคโปร์และนำเสนอประเทศแห่งนี้เป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจและการพักผ่อนที่ทุกคนสามารถมาเยื่อนหลายครั้งได้โดยไม่เบื่อ อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ เราจะมีการเปิดร้านค้าแบรนด์หรูมากมาย พร้อมทั้งเปิดตัวร้านอาหารที่ใช้เชฟที่มีชื่อเสียง พร้อมกับศูนย์ความบันเทิงระดับโลกเพื่อรองรับผู้ใช้บร ิการของเราที่ มารีน่า เบย์ แซนด์ส เราเชื่อมั่นว่าทุกท่านจะได้พบกับทุกสิ่งตามที่คาดหวังไว้”
หลังจากโครงการเสร็จสิ้น มารีน่า เบย์ แซนด์ส จะกลายเป็นศูนย์การประชุมและการจัดแสดงที่มีขนาดใหญ่และมีความยืดหยุ่นในการรองรับงานแบบต่าง ๆ มากที่สุด โดยมีห้องพักระดับหรูประมาณ 2,600 ห้องพร้อมห้องสูท พร้อมทั้งดาดฟ้า สวนลอยฟ้า แซนด์ส พิพิธภัณฑ์ ศูนย์เกมสไตล์ลาสเวกัส ไพซ่า คลับ สำหรับแขกผู้มีเกียรติ โรงละคร แหล่งบันเทิง ลานจัดงาน และร้านอาหารอีกมากมาย