โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ เปิดมิติใหม่วงการคอนโดมิเนียมและเซอร์วิส อพาทเมนท์ ด้วยโครงการที่พักอาศัยระดับระดับพรีเมี่ยม พร้อมชูจุดขายด้านทำเลที่ตั้ง รูปแบบการพักอาศัยที่สะดวกสบายใจกลางเมือง สถาปัตยกรรม และบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟเทียบชั้นโรงแรมดังระดับโลก กำหนดสร้างเสร็จปลายปี 2553 คาดขายหมดตามเป้า หลังซอฟต์ลอนช์มีลูกค้าซื้อไปแล้ว 40%
นางสาววลัยทิพย์ จรณะจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด เปิดเผยที่มาและเหตุผลของการก่อตั้งบริษัทว่า “บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด หรือ Thai Contractors Asset Co., Ltd. (TCA) ก่อตั้งโดยสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ฯ ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลัก ๆ ของประเทศไทย อาทิ บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด บริษัท คริสเตียนี จำกัด (มหาชน) บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจะเข้าสวมสิทธิการเช่าที่ดินอันทรงคุณค่าผืนนี้จากสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ฯ ในฐานะเป็นผู้เช่ารายเดิมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งสัญญาดังกล่าวครบกำหนดลงเมื่อประมาณปี 2550 ทั้งนี้บริษัทจึงได้เข้ามาบริหารจัดการที่ดินผืนนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เห็นชอบและไว้วางใจมอบให้บริษัทฯเป็นผู้เช่าต่อ แทนสมาคมฯด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ถือหุ้นของบริษัทและความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกับสมาคม”
บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด มีกลุ่มบริษัทอิตัลไทย เป็นผู้ถือหุ้นหลักประมาณ 80% และ ส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยกลุ่มสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยร่วมด้วย ด้วยประสบการณ์ ของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย ที่อยู่คู่ประเทศไทยมากว่า 50 ปี และเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านการก่อสร้าง การบริหารจัดการโครงการ ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวกับ Hospitality ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็ก รีสอร์ท และโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เช่น โรงแรมโอเรียนเต็ล ในการพัฒนาโครงการ โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ได้เล็งเห็นคุณค่าของชื่อ โอเรียนเต็ล และโลโก้ดั้งเดิม จึงต้องการจะคงชื่อนี้ไว้ และตั้งใจที่จะนำหลักการที่ใช้ในการพัฒนาโรงแรมโอเรียนเต็ล มาใช้กับโครงการ โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นว่า โครงการนี้จะเป็นโครงการคุณภาพที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในระดับพรีเมี่ยมที่มีการให้บริการครบวงจรได้เป็นอย่างดี”
“สำหรับจุดเด่นของโครงการ นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้งบนถนนวิทยุ ซึ่งถือเป็นที่กล่าวถึงกันโดยทั่วไปว่าเป็นหนึ่งในถนนที่มีเอกลักษณ์ ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และเป็นถนนสายหลักซึ่งมีอาคารสำนักงานสำคัญๆ หลายแห่ง รวมถึงเป็นสถานที่ตั้งของสถานทูตต่างๆ โดยโครงการ โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ ตั้งอยู่ระหว่างสถานฑูตของประเทศเนเธอร์แลนด์และสถานฑูตของสหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ที่พักอาศัยของโครงการได้สัมผัสถึงอากาศที่สดชื่นรวมถึงความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ๆ ในอาณาเขตโดยรอบ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่พักอาศัยเพียงไม่กี่แห่งในกรุงเทพฯ ที่รวมเอาคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาทเมนท์มาไว้ในหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัว ซึ่งตอบสนองทั้งความต้องการพักอาศัยในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมบริการระดับมืออาชีพจากทีมงานคุณภาพ ครบครันไม่แพ้โรงแรมหรูระดับโลก เช่น บริการด้านรูมเซอร์วิส บริการซักรีด บริการ Concierge บริการซ่อมบำรุง บริการจัดเลี้ยงและตกแต่งดอกไม้ และบริการรถรับส่ง เป็นต้น มาให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้พักอาศัยในโครงการคุณภาพ สะดวกสบายเหนือระดับ และคุ้มค่าต่อการลงทุน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทที่ตั้งใจจะสร้างสรรค์ให้ โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ เป็น Tomorrow’s Legend”
นายวรชิต ล. เฉลิมชัยชนะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ คือ ด้านสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในในสไตล์ Modern Contemporary ทั้งนี้ ทางผู้ออกแบบได้แรงบันดาลใจมาจากความร่มรื่นของต้นไม้และแสงเงาจากต้นไม้ตลอดแนวถนนวิทยุ ผนังของตัวอาคารใช้กระจก เพื่อให้สะท้อนต้นไม้บนถนนวิทยุและบริเวณโดยรอบ โดยจะเห็นแสงเงาเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนอาคาร และผู้พักอาศัยภายในอาคารสามารถมองเห็นต้นไม้บริเวณโดยรอบได้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คใจกลางกรุงที่โดดเด่น แต่กลมกลืนกับบรรยากาศแวดล้อมบนถนนวิทยุ
โอเรียนเต็ล เรสซิเด็นซ์ เป็นคอนโดมิเนียมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สูง 32 ชั้น ชั้น 6 – 21 เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 145 ยูนิต ชั้น 22 – 31 เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยเพียง 44 ยูนิต ประกอบด้วย ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 56 - 67 ตร.ม จำนวน 13 ยูนิต, ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 81 – 128 ตร.ม จำนวน 27 ยูนิต, ขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ 190 ตร.ม จำนวน 1 ยูนิต และเพนท์เฮาส์ ขนาด 201 - 296 ตร.ม 3 ยูนิต
ทางโครงการได้จัดสรรพื้นที่ส่วนชั้น 32 และชั้น 22 ให้เป็นชั้นดาดฟ้า สระว่ายน้ำ และสวนลอยฟ้าให้เป็นพิเศษโดยเฉพาะของผู้คนรุ่นใหม่ พักอาศัยในคอนโดมิเนียม 44 ยูนิต นอกจากนี้ผู้พักอาศัยในคอนโดมิเนียมยังสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางในชั้นกราวนด์ถึงชั้น 5 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อันประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ภัตตาคาร คอฟฟี่ช็อป ฟิตเนส บิสเนสเซ็นเตอร์ เอ็กเซ็กคูทีฟเลาจ์ สปา และบริการ WIFI พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน 4 ชั้น จอดรถได้มากกว่า 200 คัน
ในส่วนความคืบหน้าของโครงการ นายวรชิต กล่าวว่า “โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2551 ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างทำงานในส่วนชั้นใต้ดิน และคาดว่าจะแล้วเสร็จปลาย ปี 2553 และพร้อมเข้าอยู่ได้ต้นปี 2554 ทั้งนี้ จากที่บริษัทได้จัด Exclusive Soft Launch โดยเชิญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับวีไอพีมาเยี่ยมชมห้องตัวอย่างของโครงการ และได้รับการตอบรับอย่างดี ขณะนี้ขายได้แล้วประมาณ 40% และตั้งเป้าขายในปีนี้ไว้ที่ 80% ที่เหลืออีก 20% คาดว่าจะขายเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ สำหรับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 160,000 บาท/ตารางเมตร”
“กลุ่มเป้าหมายของโครงการในส่วนคอนโดมิเนียม เรามุ่งไปที่ ตลาดระดับบนทั้ง ชาวไทย และชาวต่างชาติ เราคาดว่ากลุ่มผู้พักอาศัยในโครงการจะเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดด้านมาตรฐานการดำเนินชีวิตในระดับเดียวกัน อาทิ กลุ่มทูต ผู้บริหารระดับสูง ดีไซเนอร์ ที่มีมาตรฐานในการดำเนินชีวิตอย่างมีระดับ” นางสาววลัยทิพย์ กล่าวตอนท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณเสาวรินทร์ ทองทัศน์
โทร. 0-2642-9620 (12 สาย) โทรสาร 0-2642-9622
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net