GTZ และสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ร่วมดำเนินโครงการเพื่อขยายการส่งออกผักผลไม้อินทรีย์ไทย

20 May 2009

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน

สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) และสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย (TOTA) ได้ร่วมลงนามความร่วมมือในโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ไทย เพื่อขยายพื้นที่การผลิต จำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล รวมทั้งปริมาณการส่งออกไปยังตลาดเกษตรอินทรีย์สากล โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรปให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 โครงการฯ มีระยะเวลาการดำเนินงาน 2 ปี และคาดว่าจะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน นายวัลลภ พิชญ์พงศา นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย กล่าวว่า “สินค้าเกษตรอินทรีย์กำลังได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากความตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยของอาหาร และความตระหนักถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร อย่างไรก็ตามสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่จะเข้าสู่ตลาดมูลค่าสูงในต่างประเทศได้นั้น จะต้องผ่านการรับรองตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล แต่ในปัจจุบัน ความสามารถในการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค และส่วนหนึ่งยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ดังนั้นสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทยจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ GTZ ในการส่งเสริมการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย โดยเลือกอุตสาหกรรมผักและผลไม้เป็นกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ไทย ซึ่งจะมีการสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกผักและผลไม้อินทรีย์มากขึ้น รวมทั้งให้ความรู้กับเกษตรกรในการผลิตสินค้าตามแนวทางเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้องเพื่อให้ได้การรับรองตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นการขยายช่องทางในการจำหน่ายและเพิ่มมูลค่าให้อุตสาหกรรมผักและผลไม้ของไทย ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางการตลาดที่มีความรุนแรงในปัจจุบัน เป้าหมายสำคัญของโครงการฯ คือเพื่อขยายพื้นที่การผลิต และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล รวมทั้งปริมาณการส่งออกให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20”

มร. เดวิด โอเบอร์ฮูเบอร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) กล่าวว่า “สินค้าผักและผลไม้อินทรีย์ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรไทย เนื่องจากยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป ซึ่งการส่งออกผักและผลไม้อินทรีย์ของไทยยังมีจำนวนไม่มากนัก แต่การเติบโตของตลาดสินค้าอาหารอินทรีย์ในสหภาพยุโรปเพิ่มสูงขึ้นทุกปี แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม ตลาดสินค้าอาหารอินทรีย์ในประเทศเยอรมนีซึ่งมีมูลค่ามากที่สุดในทวีปยุโรปนั้น ได้เติบโตขึ้นอีกประมาณร้อยละ 10 ในปี 2551 ที่ผ่านมา หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนหกหมื่นล้านบาท (5,800 ล้านยูโร) ในการดำเนินโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ไทยซึ่ง GTZ ได้ร่วมมือกับสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทยเป็นเวลา 2 ปี ในครั้งนี้ จะมีการจัดการสัมมนาและการฝึกอบรม รวมทั้งการให้คำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล และเตรียมความพร้อมในการสมัครเพื่อขอการรับรองมาตรฐาน การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ การเสริมสร้างศักยภาพของสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเป็นสื่อกลางที่ทำให้เกิดการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ รวมทั้งจัดทำข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์เกษตรอินทรีย์ไทย เพื่อเผยแพร่ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ของหน่วยงานนั้นๆ ให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ในภาพ

มร.เดวิด โอเบอร์ฮูเบอร์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) และนายวัลลภ พิชญ์พงศา (ขวา) นายกสมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์ไทย (TOTA) ในพิธีลงนามความร่วมมือการดำเนินงาน “โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ไทย” เพื่อขยายพื้นที่การผลิต จำนวนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผักและผลไม้อินทรีย์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล รวมทั้งปริมาณการส่งออกไปยังตลาดเกษตรอินทรีย์ในต่างประเทศ ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ศิริพร ตรีพรไพรัช ผู้จัดการฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ GTZ

โทรศัพท์ 02 661 9273 ต่อ 13 หรือ 087 022 7526

อีเมล์ [email protected]

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net