การคาดการณ์ผลกระทบวิกฤตการณ์ทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ การลงทุน การส่งออก และการลงทุน รวมทั้ง ข้อเสนอทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง

กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--มหาวิทยาลัยรังสิต

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดเผยถึง ผลศึกษาผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็นสามกรณี คือ กรณีที่ 1 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองยุติภายในเดือนกันยายน ยุติการยึดครอง ทำเนียบรัฐบาล (เทียบกับกรณีดี ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5-6%) โอกาสในความ เป็นไปได้ของกรณีนี้เท่ากับ 20%) โดยคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 4.8% โดยที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 3.9% ผลเสียหายทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว 6,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการส่งออก 10,000 ล้านบาท ผลกระทบการลงทุน 1,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการบริโภค 2,000 ล้านบาท ในขณะที่การสูญเสียโอกาสทาง เศรษฐกิจและการลงทุนไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนล้านบาท (ส่วนนี้ไม่ได้คำนวณรวมในจีดีพี) กรณีที่ 2 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อแต่ไม่มีความรุนแรงและนองเลือดในวงกว้าง รัฐบาลมีอายุ 2-3 เดือนมีการจัดตั้งรัฐบาล ใหม่หรือยุบสภา (เทียบกับกรณีพื้นฐาน ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4-5%) โอกาสใน ความเป็นไปได้ของกรณีนี้เท่ากับ 60% หากเกิดกรณีนี้ขึ้น คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 4.3% โดยที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปี หลังจะอยู่ที่ 2.9% ผลเสียหายทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 68,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายได้ จากการท่องเที่ยว 26,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการส่งออก 24,000 ล้านบาท ผลกระทบการลงทุน 6,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการบริโภค 12,000 ล้านบาท ในขณะที่ การสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนไม่ต่ำกว่าสามแสนล้านบาท (ส่วนนี้ไม่ได้คำนวณรวมในจีดีพี) กรณีที่ 3 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองนำมาสู่ความรุนแรงและนองเลือดในวงกว้าง จบลงด้วยรัฐประหารในเดือนตุลาคม (เทียบกับกรณีเลวร้าย ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3-4%) หากเกิดกรณีนี้ขึ้น คาดว่าอัตราการเติบโตทาง เศรษฐกิจจะอยู่ที่ 3.6% โดยที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ 1.5% ผลเสียหายทางเศรษฐกิจโดยภาพรวมจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองใน ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 137,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายได้จาการท่องเที่ยว 77,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการส่งออก 24,000 ล้านบาท ผลกระทบ การลงทุน 14,000 ล้านบาท ผลกระทบต่อการบริโภค 22,000 ล้านบาท ในขณะที่เมื่อเกิดการรัฐประหารการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนจะไม่ต่ำกว่า หนึ่งล้านล้านบาท (ส่วนนี้ไม่ได้คำนวณรวมในจีดีพี) อย่างไรก็ตาม ความเสียหายของรัฐประหารยังมีขอบเขตจำกัดต่อเศรษฐกิจปี 51 เนื่องจากจะมีผลเฉพาะ ไตรมาสสี่ แต่จะส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างรุนแรงในระยะต่อไป และมีความเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจไทยจะเจอกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 52 หากมีรัฐประหารและความรุนแรงนองเลือดเกิดขึ้น ดร. อนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่จะมีผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ระบบการเมือง ระบบกฎหมายและสังคม มากกว่า รัฐประหาร คือ สภาพ อนาธิปไตยซึ่งเวลานี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ จึงขอเสนอแนะเพื่อเป็นทางออกจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองเพื่อหลีก เลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์เสถียรภาพทางการเมืองของไทยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากการขาดความเข้าใจในวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่แท้จริง มีความ อ่อนแอของระบบนิติรัฐและจริยธรรมในทุกระดับ เกิดสภาวะไม่เคารพกฎหมายและมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงต่อกัน ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำเสนอ 9 แนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองและผลกระทบทาง เศรษฐกิจอันเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ประการแรก ขอเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีความประนีประนอม มีความ รู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต และ ขอให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เลือกคณะรัฐมนตรีที่นำมาสู่การหยุดยั้งวิกฤตการณ์ทางการเมืองและสลายขั้วความ ขัดแย้งทางการเมือง ในวันพุธนี้ ประการที่สอง แก้ไขกฎหมายให้การประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นอำนาจของรัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนของราษฎรทั้งหลาย ประการ ที่สาม พันธมิตรต้องถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาลและไปชุมนุมในสถานที่ที่ไม่ละเมิดต่อกฎหมายและละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ขอให้ทุกฝ่ายเคารพต่อ กฎหมายและกติกาของสังคม ประการที่สี่ ขอให้ทุกฝ่าย หยุดการกระทำ คำพูด พฤติกรรมในลักษณะยั่วยุให้เกิดความรุนแรงหรือเกลียดชังที่มีต่อกันมากขึ้น พร้อมกับเปิดการเจรจาของคู่ความขัดแย้งเพื่อแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง ประการที่ห้า เปิดโอกาสให้ ศาลยุติธรรมและกระบวนการทางกฎหมายสะสางคดีทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ดำเนินไปโดยปราศจากการแทรกแซง ยึดถือความ เป็นกลางและเป็นธรรมอย่างเคร่งครัด ประการที่หก ดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายประชาชนทุกสาขาอาชีพเพื่อผลักดันให้มีการปฏิรูปทางการเมืองรอบใหม่ คัดค้านการดำเนินการใดๆที่นอก เหนือหลักการประชาธิปไตย และ นอกวิถีทางรัฐธรรมนูญ ประการที่เจ็ด ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสำหรับความผิดอันเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมือง ประการ ที่แปด ขอเรียกร้องให้ สื่อมวลชน นำเสนอข้อเท็จจริงอย่างเป็นกลาง ไม่เลือกข้าง เน้นการให้ความรู้และข้อมูลต่อประชาชน และ ขอเรียกร้องให้ นัก วิชาการปัญญาชน ทำหน้าที่ให้ สติปัญญา กับ สังคม ไม่แสดงความเห็นอย่างมีอคติ ประการที่เก้า จัดตั้ง คณะกรรมการปฏิรูปแห่งชาติ อันประกอบไปด้วยทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อปฏิรูปประเทศอย่างรอบด้านทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและค่านิยม ดร. อนุสรณ์ สรุปว่า แนวทางเก้าประการนี้ มีเป้าหมายเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ปฏิรูปการเมืองให้ดีขึ้น บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะสันติสุขและมีเสถียรภาพก่อนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ ดร. อนุสรณ์ ได้คาดการณ์ถึง แนวโน้มค่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าได้หากสถานการณ์ทางการเมืองปรับตัวในทิศทางดีขึ้นและตัวเลขดุลการค้าที่ เกินดุลเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาจขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 750 ได้ในช่วงไตรมาสสี่ สำหรับนโยบายการเงินมองว่าควรจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อย่างน้อย 0.50% เพื่อประคับประคองสภาวะเศรษฐกิจ โดยที่แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสสี่จะลดลงอย่างชัดเจนโดยอัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะเกิน 6% ขณะที่มาตรการทางการคลังจะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่จากปัญหาทางการเมือง การผ่อนคลายทางการเงินจึงเป็นมาตรการสำคัญในการดูแลเศรษฐกิจ ดร. อนุสรณ์ ได้ให้ความเห็นต่อวิกฤตการณ์สถาบันการเงินสหรัฐฯ (เลห์แมน บราเธอร์) ว่า จะส่งผลกระทบทำให้เกิดความผันผวนของตลาดการเงินโลก ระยะหนึ่ง ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอีกในไตรมาสสี่ มีผลต่อภาคส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยในไตรมาสสี่ ราคาน้ำมันอาจจะลงมาต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล อาจจะกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลงไปต่ำกว่า 600 ในระยะสั้น รวมทั้งสถาบันการเงินไทยที่ลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินสหรัฐฯที่มีปัญหา การคาดการณ์ผลกระทบวิกฤตการณ์การเมืองต่อเศรษฐกิจไทย กรณีที่1 กรณีที่2 กรณีที่3 ผลกระทบของการบริโภคต่อGDP (ร้อยละ) 0.02 0.13 0.23 ความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 2,000 12,000 22,000 ผลกระทบของการลงทุนต่อGDP (ร้อยละ) 0.01 0.06 0.15 ความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 1,000 6,000 14,000 ผลกระทบและการส่งออกต่อGDP (ร้อยละ) 0.11 0.25 0.25 ความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 10,000 24,000 24,000 ผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อGDP (ร้อยละ) 0.06 0.26 0.77 ความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 6,000 26,000 77,000 ผลกระทบโดยร่วมต่อGDP (ร้อยละ) 0.2 0.7 1.4 ความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ล้านบาท) 19,000 68,000 137,000 การขยายตัวทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง (ร้อยละ) 3.9 2.9 1.5 การขยายตัวทางเศรษฐกิจปี51 (ร้อยละ) 4.8 4.3 3.6 สมมติฐาน กรณีที่1 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองยุติภายในเดือนกันยายน ยุติการยึดครองทำเนียบรัฐบาล (เทียบกับกรณีดี ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการ ประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่5-6%) โอกาสและความเป็นไปได้ของกรณีนี้เท่ากับ20% กรณีที่2 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อแต่ไม่มีความรุนแรงและนองเลือดในวงกว้าง รัฐบาลมีอายุ2-3เดือนมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือยุบสภา (เทียบกับกรณีพื้นฐาน ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่4-5%) โอกาสและความเป็นไปได้ของกรณีนี้เท่ากับ60% กรณีที่3 สถานการณ์วิกฤตการณ์ทางการเมืองนำมาสู่ความรุนแรงและนองเลือดในวงกว้าง จบลงด้วยรัฐประหารในเดือนตุลาคม(เทียบกับกรณีเลวร้าย ซึ่งคณะ เศรษฐศาสตร์ ม. รังสิตได้ทำการประมาณการเมื่อต้นปี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่3-4%) โอกาสและความเป็นไปได้ของกรณีนี้เท่ากับ20% สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ นุชนารถ อำนาจบุดดี ผู้ประสานงานคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต โทร.02-997-2222 ต่อ 1238 แฟกซ์ 02-533-9695

ข่าวศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ+อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีวันนี้

เศรษฐกิจการศึกษาว่าด้วยการนำสถาบันการศึกษาเข้าตลาดหุ้น บทบาทของรัฐและบทบาทของกลไกตลาดในการจัดการการศึกษา

16.00 น. 2 ธันวาคม พ.ศ. 2561 ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เมืองเอก คณะเศรษฐศาสตร์ และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความเห็นถึงกระแสคัดค้านและสนับสนุนการนำหุ้นของสถาบันการศึกษาเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ว่า ต้องมีการพิจารณาถึงบทบาทของกลไกตลาดและบทบาทของรัฐที่เหมาะสมในกิจการทางการศึกษาว่าควรจะเป็นอย่างไรจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมโดยรวมและสนับสนุนการระดมทุน

ผลของ Soft Brexit ต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยไตรมาสสี่

แม้นสหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรปก่อนออกจากอียูในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562 แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองภายในประเทศของอังกฤษ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสี่ของไทยยังคงเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อ...

สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีนลุกลามสู่การแ... NIDA Poll “อนาคตทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” — สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีนลุกลามสู่การแข่งขันลดค่าเงินมากขึ้น กระทบเศรษฐกิจการค้าโลกและภาคส่งอ...

สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีนลุกลามสู่การแข่งขันลดค่าเงินมากขึ้นกระทบเศรษฐกิจการค้าโลกและภาคส่งออกไทยปีหน้า ความรุนแรงของสงครามทางการค้าถูกยกระดับขึ้น

28 ต.ค. 2561 เวลา 16.00 น. ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ผศ. ดร....

ผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจและค่าเงินตลาดเกิดใหม่ และ สงครามการค้ารุนแรงขึ้น ต่อเศรษฐกิจไทย

วิกฤติเศรษฐกิจและการดิ่งลงของค่าเงินในตลาดเกิดใหม่จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆยกเว้นดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ควรรีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนผลกระทบสงครามการค้ารุน...

คาดการณ์จีดีพีไตรมาสสามขยายตัวต่ำกว่า 4% จากผลกระทบหลากหลาย

ผลกระทบน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ผลกระทบของสงครามการค้าจีนสหรัฐ ต่อภาคส่งออก และผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจตุรกีต่อตลาดการเงินโลกอาจส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสามของไทยต่ำกว่า 4% 16.00 น. 19 ส.ค. 2561 ที่ คณะเศรษฐศาสตร์...

ร.ร.สาธิตแห่ง ม.รังสิต จัดงานโอเพ่น เฮ้าส์แนะนำหลักสูตรใหม่

รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานโอเพ่น เฮ้าส์ (Open House) แนะนำโรงเรียน และหลักสูตรการเรียนการสอน พร้อมเปิดเผยทิศทางเป้าหมายของโรงเรียนในการเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาสำหรับการเปิดเสรีสู่ประชาคมอาเซียนให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง...

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดงานสัมมนาและแถลงข่าวเรื่อง “การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทางการลงทุน ปี 2554”

งานสัมมนาและแถลงข่าวเรื่อง “การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทางการลงทุน ปี 2554” โดย คณะเศรษฐศาสตร์ และศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต วันอังคารที่ 7 ธันวาคม...

สรุปผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “สถานการณ์แรงงานไทย และความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ”

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต และอาจารย์วรรณกิตติ์ วรรณศิลป์ นักวิจัยอาวุโส เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นภายใต้หัวข้อ...