"เรกูเลเตอร์” สรุปค่าเอฟทีประจำเดือนมิถุนายน-กันยายน 2551 ลดลง 6.01 สตางค์ต่อหน่วย พร้อมแนะวิธีดูบอลช่วงยูโรเชียร์พร้อมกันเปิดทีวีเครื่องเดียว

13 Jun 2008

กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--กระทรวงพลังงาน

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า การพิจารณาค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2551 ซึ่งเปิดให้ผู้สนใจแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างวันที่ 6-11 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่ประชุม กกพ. มีมติเห็นชอบการเรียกเก็บค่าเอฟที อยู่ที่ 62.85 สตางค์ต่อหน่วย ลดลงจากรอบที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2551) 6.01 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนรอบใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.88 บาทต่อหน่วย หรือลดลงจากรอบที่ผ่านมา 2.05% สามารถสรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้

สำหรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 8.95 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากในช่วงกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2551 ปัญหาจากโครงการก๊าซธรรมชาติในแหล่งอาทิตย์เกิดความล่าช้า และท่อส่งก๊าซธรรมชาติเยตากุนมีปัญหา ส่งผลให้มีการใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2551 จะสูงขึ้น และได้รับผลกระทบของราคาเชื้อเพลิงที่ปรับขึ้นตามสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม มติของ กกพ. เห็นควรไม่ให้มีการส่งผ่านต้นทุนค่าเชื้อเพลิงผ่านค่าเอฟทีทั้งหมด เนื่องจากการเจรจาค่าชดเชยจากผู้ผลิตก๊าซทั้งสองแหล่งยังไม่ได้ข้อยุติ โดยไม่ให้ส่งผ่านในส่วนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นในส่วนที่ ปตท.คาดว่าจะเรียกรับจากผู้ผลิตในแหล่งอาทิตย์และเยตากุน รวม 1,595 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาช่วยลดค่าเอฟทีได้ 3.41 สตางค์ต่อหน่วย

นอกจากนี้ กกพ. เห็นควรให้ กฟผ. ไปเจรจาร่วมกับกรมชลประทานในการบริหารการใช้น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ ทำให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำได้เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านหน่วย ส่งผลให้ ค่าเอฟทีลดลงได้อีก 0.70 สตางค์ต่อหน่วย

ขณะเดียวกัน การคิดค่าเอฟทีครั้งนี้ ได้นำเงินจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งและเงินสมทบที่ได้จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของ กฟผ. รวมทั้งสิ้น 5,082 ล้านบาท มาช่วยในครั้งนี้ ซึ่งสามารถปรับลดค่าเอฟทีลงได้อีก 10.85 สตางค์ต่อหน่วย

จากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ค่าเอฟทีที่จะเรียกเก็บจากประชาชนในบิลค่าไฟฟ้ารอบนี้ลดลงได้ 6.01 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 62.85 สตางค์ต่อหน่วย จึงเป็นข่าวดีสำหรับประชาชน เนื่องจากค่าไฟฟ้าถือเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนหลายชนิด ทั้งภาคการผลิต อุตสาหกรรม และสินค้า เป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนได้อีกมาก ไม่ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ในภาวะที่ประเทศต้องประสบกับวิกฤตราคาน้ำมันแพง และปัญหาค่าครองชีพ

“สำหรับวิธีที่จะช่วยประหยัดเงินค่าไฟได้มากที่สุด คือ การรู้จักประหยัดไฟฟ้า ใช้อย่างรู้คุณค่า และติดอุปกรณ์ประหยัดไฟ โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร การหันมาเชียร์บอลร่วมกันในครอบครัวโดยเปิดทีวีเครื่องเดียว ตั้งนาฬิกาปลุกแทนการเปิดทีวีทิ้งไว้ หรือถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังจบการแข่งขัน จะเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้ง่ายๆ” นายดิเรก กล่าว