กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์
มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง เผยยอดขายพีเจ้นเติบโตด้วยตัวเลขดับเบิ้ลดิจิตต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สวนกระแสตัวเลขอัตราการเกิดที่ลดลงทุกปี เผยแผนธุรกิจปี 51 เตรียมเปิดศึกชิงมาร์เก็ตแชร์ในตลาดต่างจังหวัด หลังตลาดในกรุงเทพฯ ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว พร้อมดึงกลยุทธ์แนวรุกทั้งอีโมชั่นนอล และฟังก์ชั่นนอลผ่านการสื่อสารแบบครบเครื่อง เพื่อตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำหรับแม่และเด็ก “พีเจ้น” อย่างต่อเนื่อง เตรียมลุยจัดอีเวนท์มาร์เก็ตติ้ง 4 ครั้ง 4 ภาค ทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีโต 12%
นายนิรามัย ลักษณานันท์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก “Pigeon” เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กว่า แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์สินค้าในกลุ่มระดับพรีเมี่ยมยังคงมีแนวโน้มที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากสินค้าในกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากนัก ประกอบกับปัจจุบันครอบครัวคนไทยมีค่านิยมมีบุตรไม่เกินครอบครัวละ 1-2 คน ขณะที่มีระดับการศึกษาและระดับรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้สามารถใช้จ่ายเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แม่และเด็กได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กระดับพรีเมี่ยมมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต แต่ในทางกลับกัน สินค้าในระดับอีโคโนมีหรือกลุ่มสินค้าราคาถูก จะเผชิญกับภาวะต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสินค้าในระดับดังกล่าวต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันของกลยุทธ์ด้านราคาอย่างรุนแรง จึงทำให้แนวโน้มการเติบโตของเซกเมนต์ดังกล่าวจะเป็นเซกเมนต์เดียวที่มีการเติบโตลดลง
“จากจำนวนอัตราการเกิดของเด็กในปัจจุบันที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ นิยมมีลูกจำนวนน้อย แต่จะทุ่มค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าที่ช่วยเสริมพัฒนาการสำหรับลูกแต่ละคนมากขึ้น โดยไม่คำถึงถึงปัจจัยด้านราคามากนัก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตสินค้าที่มีอินโนเวชั่นและสินค้ามีคุณภาพมีความได้เปรียบมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์พีเจ้นมีความได้เปรียบกว่าคู่แข่งขันในตลาด ทั้งเรื่องของคุณภาพของสินค้า ทั้งที่นำเข้าจากญี่ปุ่น และผลิตเองในไทยที่ใช้มาตรฐานเดียวกันกับของ พีเจ้น คอร์ปอเรชั่นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นการส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อย มีความหลากหลายของตัวสินค้า รวมถึงมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมากกว่า โดยในปี 2550 ที่ผ่านมา พีเจ้นมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยตัวเลขกว่า 13%” นายนิรามัย กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2550 ที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ คือ มีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก (double digit) ในยอดขายแต่ละกลุ่มสินค้า ซึ่งบริษัทฯ มียอดขายรวมประมาณ 310 ล้านบาท เติบโตกว่า 12% เมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2549 ที่ผ่านมา ในปี 2551 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตกว่า 12% โดยในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา (มกราคม – มีนาคม 2551) บริษัทฯ สามารถทำยอดขายเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโตขึ้นถึง 15% โดยยอดขายหลักมาจาก กลุ่มสินค้านำเข้า, ผ้าเช็ดทำความสะอาดผิว พีเจ้น เบบี้ไวพส์ และเครื่องปั๊มน้ำนม
นายเมธิน เลอสุมิตรกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มุ่งพัฒนามาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงนโยบายการดำเนินงานของบริษัทในปี 2551 นี้ว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก จากตัวเลขอัตราการเกิดของเด็กในกรุงเทพฯ มีเพียง 20% ส่วนที่เหลือจะกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาพีเจ้นมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพ คิดเป็นสัดส่วน 70:30 โดยบริษัทได้วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในจังหวัดเพิ่มเป็น 50:50 ในปลายปี 2551 นี้
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2551 บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ของสินค้าแบรนด์ “Pigeon” ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของพีเจ้น คอร์ปอเรชั่น ในประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการสร้างกระแสการรับรู้ในตราผลิตภัณฑ์เดียวกันทั่วโลกในระดับสากล สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ของบริษัท จะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ “พีเจ้น” ให้มีความชัดเจนในแง่ของ Brand Value ในเรื่องความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านพัฒนาการเด็กและทารกให้เกิดในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด พร้อมกับมีการเน้นการขยายสินค้าใหม่ไปยังผู้บริโภคที่ใช้สินค้า “พีเจ้น” ให้เกิดการทดลองใช้สินค้าอื่นๆ ของบริษัทด้วย รวมถึงการสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้ขยายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ที่มีบุตรคนแรก โดย “พีเจ้น” จะพยายามที่จะเป็นเหมือนตัวช่วยที่ทำให้คุณแม่ได้ดูแลลูกได้สะดวก ใช้เวลาอยู่กับลูกได้นานยิ่งขึ้น และที่สำคัญ “พีเจ้น” จะเข้าไปเสริมบทบาทให้คุณแม่เลี้ยงบุตรด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันคุณแม่ยุคใหม่มีข้อจำกัดด้านเวลาเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกด้วยงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งมากกว่างบการตลาดในปี 2550 ที่ใช้อยู่ที่ 20 ล้านบาท โดยบริษัทเน้นการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ด้วยการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้มีความหลากหลายและมีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี พร้อมทั้งมีการเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Baby Accessories โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ขวดนม จุกนม ทั้งรุ่นคลาสสิค และรุ่นโดม รวมถึงผ้าเช็ดทำความสะอาดผิว (Pigeon Baby Wipes) ซึ่งมียอดขายเป็น 3 อันดับแรกของบริษัท เป็นตัวชูโรงสำหรับการเข้ารุกตลาดในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกสื่อทั้ง Above the Line ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาผ่านทางหน้านิตยสารสำหรับแม่และเด็ก และ Below the Line รวมไปถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนเปิดตัวกิจกรรมทางการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงปลายปี 2551 นี้ ในรูปแบบของอีเวนท์มาร์เก็ตติ้งในพื้นที่ของศูนย์การค้าตามหัวเมืองใหญ่ 4 ครั้งใน 4 ภาค ทั่วประเทศ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์
จิดาภา ประมวลทรัพย์, สมฤทัย ผลพละ
บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
โทร. 0-2693-7835-8 ต่อ 20, 19
มือถือ 081-817-7153, 089-446-3324
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit