โอกิลวี่แอ็คชั่นโตสวนกระแส 145% ย้ำกลยุทธ์และความเชี่ยวชาญด้านการตลาดผู้ซื้อสินค้าดันธุรกิจโตต่อเนื่อง

30 Apr 2008

กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--โอกิลวี่แอ็คชั่น

โอกิลวี่แอ็คชั่น บริษัทในกลุ่มโอกิลวี่กรุ๊ป ซึ่งให้บริการสื่อสารการตลาดที่ช่วยให้ลูกค้าเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ เผยผลประกอบการปี 2550 โตสวนกระแส 145% จากความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์โซลูชั่นการสื่อสารการตลาดด้วยเครื่องมือและกระบวนการในการคิด “Last Mile?” ซึ่งช่วยเจ้าของสินค้าเจาะเข้าถึงตัวผู้บริโภคและชนะใจผู้ซื้อสินค้าในขณะตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มร. มิทช์ เว็บเบอร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ความเชี่ยวชาญของเราช่วยให้เจ้าของสินค้าชนะใจผู้ซื้อ ในขณะที่กำลังตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย รวมทั้งเปลี่ยนใจมาซื้อสินค้าของลูกค้าเรา แนวคิดการชนะใจผู้ซื้อใน “The Last Mile?” หรือ ณ จุดขายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้โอกิลวี่แอ็คชั่นประสบความสำเร็จมาก และทำให้เราเป็นผู้นำของไทยในด้านช็อปเปอร์มาร์เก็ตติ้ง (Shopper Marketing) หรือการทำตลาดที่เน้นการสื่อสารตรงกับตัวผู้ซื้อเป็นหลัก”

โอกิลวี่แอ็คชั่น มีความชำนาญในการนำเครื่องมือและกระบวนการในการคิดที่มาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ช่วยเพิ่มความสำเร็จในการผลักดันยอดขายให้แก่ลูกค้า เช่น โมโตโรล่า และ บาคาร์ดี โดยการทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมและปัจจัยที่จะทำให้ผู้ซื้อเปลี่ยนใจ ณ จุดขายและหันมาซื้อสินค้าของลูกค้าได้

เครื่องมือสำคัญทั้ง 3 ประเภทที่ผลักดันให้โอกิลวี่แอ็คชั่นประสบความสำเร็จมากในปีที่ผ่านมาได้แก่ ฟาสต์แทรค (FastTrack?) ที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าเข้าใจว่าผู้ที่ซื้อสินค้าของตนนั้น จริงๆ คือใคร และมีพฤติกรรมอย่างไรในการซื้อสินค้า ลาสต์ไมล์ พาธ์ ทู เพอร์เชส ฟันเนล (Last Mile Path to Purchase Funnel?) ซึ่งเป็นแนวทางให้เราเข้าใจประเด็นต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ สามารถแก้ปัญหาเรื่องผู้บริโภครู้จักสินค้าแต่ไม่ซื้อ และเปลี่ยนใจให้ซื้อสินค้าของลูกค้าในที่สุด และเครื่องมือที่ 3 คือ กลุ่ม ลาสต์ไมล์อะนาลิติกส์ (Last Mile Analytics? Suite) ซึ่งเป็นการประเมินและรายงานผลแบบเรียลไทม์ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ จุดขาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อ พฤติกรรมผู้ซื้อ หรือปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้อสินค้า ณ จุดขาย

มาร์เก็ตอะนาลิติกส์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ The Last Mile Analytics? Suite ที่เปิดตัวในปี 2550 เป็นครั้งแรก และได้ช่วยให้โมโตโรล่าวัดผลได้อย่างชัดเจนว่าการสื่อสารกับผู้บริโภค และสื่อ ณ จุดขาย นั้นมีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการใช้มาร์เก็ตอะนาลิติกส์ในประเทศไทย รวมทั้งจีนและหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ในปีนี้บริษัทฯ เปิดตัวเครื่องมือสำคัญอีกอันหนึ่ง คือ ช็อปเปอร์อะนาลิติกส์ (ShopperAnalytics?) ช่วยให้เจ้าของสินค้าเห็นได้ว่าการจัดวางสินค้าแต่ละประเภท ข้อความหรือข้อมูลที่ปรากฏในสื่อส่งเสริม ณ จุดขายที่ใช้อยู่นั้น เช่น การจัดวางสินค้าที่หัวเชลฟ์ วอบเบลอร์ และการตั้งกองสินค้าสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อหรือไม่ และท้ายที่สุดเจ้าของสินค้าจะทราบได้ทันทีว่า สิ่งที่กระตุ้นยอดขายจริงๆ นั้นคืออะไร และอะไรไม่ช่วยให้เพิ่มยอดขาย รวมทั้งช่วยให้เจ้าของสินค้าปรับกลยุทธ์การขายให้เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที

นายลภัส ศุภผลศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์สื่อสาร โอกิลวี่แอ็คชั่นกล่าวว่า “ปัจจัยที่ทำให้โอกิลวี่แอ็คชั่นต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด คือ ความสามารถในการสร้างโซลูชั่นด้านการสื่อสารการตลาด และศักยภาพในการใช้เครื่องมือต่างๆ ซึ่งทำให้เราสามารถให้ข้อมูลเบื้องลึกแก่ทั้งฝ่ายขายและการตลาดของเจ้าของสินค้าได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ จุดขายคืออะไร และมีวิธีใดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ เราจะผสานความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านการตลาด การขาย (Marketing, Trade and Sales) และพฤติกรรมผู้บริโภค (Consumer and Shopper Insight) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างโซลูชั่นหรือกลยุทธ์ที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้ตั้งแต่การจัดวางผลิตภัณฑ์บนชั้นวางสินค้า ตลอดจนตอบทุกปัญหาของฝ่ายขาย และเทรด ตลอดจนเป็นโซลูชั่นที่ตรงใจและสอดคล้องกับการบริหารสินค้าแต่ละหมวดหมู่ของคู่ค้า และที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้เจ้าของสินค้าเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“โอกิลวี่แอ็คชั่นมีความเชี่ยวชาญอย่างมากด้านการตลาดแบบช็อปเปอร์มาร์เก็ตติ้ง เราศึกษาการเปลี่ยนแปลงทุกขั้นตอนและทุกด้านของธุรกิจค้าปลีก เช่น การจัดทำ OgilvyAction Shopping Basket Panel ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าโมเดิร์นเทรดและซูเปอร์มาร์เก็ตแต่ละแห่งตั้งราคาสินค้าต่างกันอย่างไร โดยทีมของเราจะออกไปซื้อสินค้าในห้าง 6 แห่ง โดยซื้อสินค้าประเภท แบรนด์ และขนาดเดียวกัน ในวันเดียวกัน และเวลาใกล้เคียงกัน และนำรายการมาเปรียบเทียบแสดงเป็นตารางให้เห็นความแตกต่างเรื่องราคาอย่างชัดเจน”

อย่างไรก็ดี การตั้งราคาสินค้าเป็นหนึ่งในหกปัจจัยหลักที่ธุรกิจค้าปลีกพิจารณา โอกิลวี่แอ็คชั่นสามารถช่วยให้เจ้าของสินค้าแต่ละรายเจาะลึกถึงปัจจัย “เร่งการตัดสินใจซื้อ” ในแต่ละหมวดหมู่ในรายละเอียด โดยแยกตามประเภท และขนาดของสินค้า

มร. เว็บเบอร์ กล่าวเสริมว่า “จริงๆ แล้ว ปี 2550 ที่ผ่านมา เป็นปีของการจัดโครงสร้างและวางรากฐานธุรกิจของเรา สำหรับปีนี้คือปีที่เราจะบุกตลาดและเอาจริงเอาจังกับการสร้างการเติบโตของธุรกิจ เราจะยังคงเน้นเรื่องช็อปเปอร์มาร์เก็ตติ้งหรือการตลาดที่เจาะเน้นถึงตัวผู้ซื้อโดยตรง และการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อรองรับการเติบโต รวมถึงการขยายทีมช็อปเปอร์”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้น ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำความคิดในด้านการสื่อสารสำหรับโมเดิร์นเทรด แทรดิชั่นแนลเทรด HoReCa หรือกลุ่มโรงแรม ร้านอาหารและคาเฟ่ (Hotel, Restaurant and Caf?) รวมทั้งการสื่อสารไร้สาย สำหรับในปีนี้และในอนาคต บริษัทฯ จะขยายฐานลูกค้าไปสู่ธุรกิจยาและเภสัชภัณฑ์ ไอที การตลาดในแคมปัส และธุรกิจค้าปลีกที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ร้านค้าปลอดภาษี หรือสินค้าฟุ่มเฟือย

ผลจากการสำรวจพบว่า ในสินค้าเกือบทุกประเภทนั้น 70% ของการตัดสินใจซื้อเกิดขึ้น ณ จุดขาย และโอกิลวี่แอ็คชั่นก็เน้นการทำความเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขายให้แก่เจ้าของสินค้าและขยายธุรกิจของบริษัทฯ เอง

มร. เว็บเบอร์กล่าวเสริมว่า “เราประเมินผลงานจากยอดขายของลูกค้า เพราะเราไม่ได้เน้นเฉพาะการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์สินค้า ทัศนคติ และปัจจัยอื่นๆ ในเชิงนามธรรมเท่านั้น แต่เรายังเน้นเรื่องการเพิ่มยอดขายที่เป็นรูปธรรม นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราแตกต่าง และทำให้โอกิลวี่แอ็คชั่นสร้างประสิทธิผลอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการของเรา”

ข้อมูลเกี่ยวกับโอกิลวี่แอ็คชั่น

โอกิลวี่แอ็คชั่น เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายทั่วโลก ให้บริการด้านการสื่อสารเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นยอดขาย โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าชนะใจผู้ซื้อในวินาทีสุดท้าย ณ จุดขายหรือ “The Last Mile?” ด้วยการใช้การสื่อสารการตลาดที่หลากหลายไม่เน้นเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง (discipline-neutral mix) เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ซื้อเข้าถึงแบรนด์สินค้าเมื่อตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย บริษัทฯ มีเครือข่ายสำนักงาน 52 แห่งใน 39 ประเทศทั่วโลก และใช้ความเชี่ยวชาญประกอบกับ “Last Mile Analytics? Suite” ของโอกิลวี่แอ็คชั่น ช่วยสร้างยอดขายให้แก่เจ้าของสินค้าทั่วโลก โอกิลวี่แอ็คชั่นมีบริการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งการตลาดที่เจาะถึงตัวผู้ซื้อหรือแบบ Through-the-line ที่รวมถึงช็อปเปอร์มาร์เก็ตติ้ง เทรดมาร์เก็ตติ้ง (Shopper & Trade Marketing) การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experiential Marketing) สื่อดิจิตอล การออกแบบการจัดวางสินค้าในร้านค้าปลีก (Retail Design) และการเป็นผู้สนับสนุนทั้งในด้านกีฬาและบันเทิง (Sports & Entertainment Sponsorship) โอกิลวี่แอ็คชั่นทั่วโลกมีลูกค้าในกว่า 300 ประเภทธุรกิจและองค์กรทั่วโลก

ผู้ที่สนใจสามารถเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.ogilvyaction.com

รายละเอียดเพิ่มเติม : ลภัส ศุภผลศิริ

บริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด

โทร. 0 2205 6417

อีเมล์ [email protected]