บาเซล--26 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ล่าสุดบ่งชี้ว่า ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีการเพิ่มยารักษาโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่อย่าง Tarceva เพิ่มเติมจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ล่าสุดโดยวารสาร Journal of Clinical Oncology พบว่า การเพิ่มยา Tarceva (erlotinib) ในการรักษาเคมีบำบัดด้วยยา gemcitabine นั้น ช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตอย่างเห็นได้ชัด เป็น 22% ในผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนขั้นร้ายแรง (1)
"การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของความก้าวหน้าในการรักษาโรคร้ายแรงถึงชีวิตนี้" ดร.มัลคอม มัวร์ ประธานการศึกษาและหัวหน้าการรักษาโรคมะเร็งและโลหิตวิทยา ประจำโรงพยาบาลพรินเซส มาร์กาเรต มหาวิทยาลัยโตรอนโต กล่าว "การศึกษาครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่แสดงให้เห็นถึงอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนที่เพิ่มขึ้น และสำหรับแพทย์เช่นผมก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีทางเลือกมากขึ้นในการรักษาผู้ป่วยของผม"
ข้อมูลจากการศึกษาซึ่งจัดทำโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติแคนาดา (NCIC) ได้สร้างมาตรฐานในการอนุมัติให้กับยา Tarceva ที่จะวางจำหน่ายในยุโร ซึ่งยาดังกล่าวใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนซึ่งเชื้อมะเร็งแพร่กระจาย (ร่วมกับการรักษาเคมีบำบัด) ซึ่งได้มีการประกาศไปเมื่อเดือนมกราคมของปีนี้
มะเร็งตับอ่อนเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ในทวีปยุโรป (4) โดยในปีพ.ศ. 2545 นั้น มีการตรวจวินิจฉัยพบโรคมะเร็งตับอ่อนรายใหม่มากกว่า 78,000 รายในทวีปยุโรป ซึ่งอัตราเฉลี่ยผู้เสียชีวิตอยู่ที่ราว 82,000 รายในแต่ละปี (2) โรคมะเร็งตับอ่อนยากต่อการรักษาเนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการดื้อยาต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดและการฉายแสงอยู่เสมอ รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะมีการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่อัตราการเสียชีวิตสูงและอายุขัยสั้น ประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งตับสามารถมีชีวิตอยู่ได้น้อยกว่า 1 ปี (5) ซึ่งมะเร็งตับอ่อนเป็นมะเร็งชนิดที่สองที่ยา Tarceva สามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งประเภทนี้ได้อย่างชัดเจน และส่งผลให้ยา Tarceva เป็นยาชนิดแรกและชนิดเดียวที่การรักษาได้ตามเป้าหมาย EGFR(x) โดยผลการรักษาแสดงให้เห็นว่า ยาดังกล่าวสามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนรอดชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อรักษาร่วมกับ gemcitabine และในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด non-small cell lung cancer(NSCLC) (3)
การศึกษาระดับนานาชาติระยะ 3 ที่ควบคุมด้วยยา placebo ซึ่งเป็นศึกษาด้วยการสุ่มและมีศูนย์กลางหลากหลาย โดยมีการศึกษาแบบเปรียบเทียบสองกลุ่ม ซึ่งแพทย์และผู้ป่วยที่ถูกศึกษาไม่ทราบว่ากลุ่มเป้าหมายกลุ่มใดถูกทดสอบนั้น จัดทำโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติแคนาดา รวมทั้งกลุ่มผู้ทดลองทางคลินิคประจำมหาวิทยาลัยควีน (NCIC CTG) และได้รับความร่วมมือจาก AGITG รวมทั้งผู้ตรวจสอบในอีก 15 ประเทศและได้รับการสนับสนุนร่วมจาก โอเอสไอ ฟาร์มาซูติคอล ทั้งนี้ การศึกษาใช้ยา Tarceva ที่ระดับ 100 ม.ก./วัน และ 150 ม.ก./วัน ในผู้ป่วยที่มีอาการมะเร็งตับอ่อนขั้นร้ายแรงหรือมีการแพร่กระจายของเชื้อมะเร็ง โดยผู้ป่วยได้รับยา Tarceva ร่วมกับ gemcitabine หรือยา gemcitabine ร่วมกับ placebo ผู้ป่วยจำนวน 569 รายซึ่งเป็นการศึกษาด้วยวิธีสุ่มสำรวจ โดยมีผู้ป่วย 285 รายได้รับยา Tarceva ร่วมกับ gemcitabine และผู้ป่วย 284 รายได้รับยา gemcitabine ร่วมกับ placebo ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา Tarceva ร่วมกับ gemcitabine ในการศึกษาครั้งนี้อยู่ในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และสอดคล้องกับผลการทดลองทางคลินิกครั้งก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงกรตรวจพบอาการข้างเคียงบางอย่าง เช่นอาการผื่นแดงและท้องร่วง
ยา Tarceva ได้รับการรับรองจาก FDA ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 เพื่อใช้รักษาโรคมะเร็งตับอ่อนระยะแพร่กระจาย ระยะร้ายแรง หรือ ระยะที่ไม่สามารถขจัดเนื้อรายได้ ซึ่งผสมผสานกับการรักษาเคมีบำบัดด้วย gemcitabine และได้รับการอนุมัติสำหรับการรักษาในโรคมะเร็งตับอ่อนระยะแพร่กระจายในสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2550
นอกจากนี้ ยา Tarceva ยังได้รับการอนุมัติในสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2548 และในสหรัฐตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชนิด non-small cell lung cancer (NSCLC) ระยะแพร่กระจายหรือขั้นสุดท้าย หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาด้วยเคมีบำบัดอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนหน้า การทดลองขั้นเบื้องต้นของยา Tarceva ได้จัดทำขึ้นในโรคมะเร็งชนิด solid tumour อีกหลายประเภทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยที่กำลังดำเนินต่อไป
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ
เกี่ยวกับการศึกษา
การศึกษาเพื่อประเมินคุณภาพยา Tarceva ขนาด 100 มิลลิกรัม/วัน หรือ 150 มิลลิกรัม/วัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับอ่อนระยะเริ่มแรกหรือในระยะแพร่กระจาย รวมถึงการสุ่มทดลองในผู้ป่วยที่รับทั้งยา gemcitabine ร่วมกับยาTarceva และยา gemcitabine ร่วมกับยา placebo โดยให้ยา Gemcitabine ในปริมาณ 1,000 mg/m(2) สัปดาห์ละ 4 ครั้ง ขณะที่ให้ยารับประทานTarceva ร่วมกับยา placebo ในปริมาณ 100 หรือ 150 มิลลิกรัมต่อวัน จนกระทั่งเชื้อลุกลามหรือเกิดภาวะเป็นพิษในระดับที่ไม่สามารถจัดการได้ ทั้งนี้ 75% ของผู้ป่วยที่ทำการทดลองอยู่ในภาวะที่เนื้อร้ายลุกลาม ขณะที่ 25% เป็นผู้ป่วยที่มีอาการมะเร็งในระยะแรกเริ่ม การศึกษาดังกล่าวได้ทำการทดลองกับผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกา เอเชีย แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยแผนกทดสอบทางการแพทย์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติของแคนาดา ซึ่งมีสำนักงานในมหาวิทยาลัยควีนสแลนด์ ออนทาริโอ ร่วมกับโอเอสไอ ฟาร์มาซูติคอล์ส
เกี่ยวกับยา Tarceva
ยา Tarceva (erlotinib) เป็นยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กซึ่งทำปฏิกริยากับมะเร็งชนิด HER1 ซึ่ง HER1 หรือที่รู้จักกันในชื่อของ EGFR เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโต และมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายสู่ส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ยา Tarceva จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์เนื้อร้าย ด้วยการขัดขวางกระบวนการการทำงานของเอ็นไซม์ที่กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน tyrosine ของ HER1 ที่ฟักตัวอยู่ภายใต้เซลล์ดังกล่าว
หากใช้วิธีการรักษาด้วยการทานยาวันละ 1 ครั้ง ยา Tarceva จะทำหน้าที่เพียงแค่ดักจับ EGFR ที่ฟักตัวในมะเร็งปอดและมะเร็งตับอ่อน ซึ่งในปัจจุบันนี้ ผู้ป่วยด้วยที่เผชิญภาวะมะเร็งปอดและมะเร็งตับอ่อนได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสามารถลดประสิทธิภาพการทำงานของเชื้อโรค โดยยา Tarceva ออกฤทธิ์ต่างจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดด้วยการมุ่งทำปฏิกิริยาไปที่เซลล์เนื้อร้าย และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด
ทั้งนี้ ยา Tarceva ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิด non-small cell lung cancer (NSCLC) ) ที่เกิดในระยะแรกเริ่มหรือระยะที่เซลล์เริ่มลุกลาม ในสหรัฐและทั่วสหภาพยุโรป หลังจากที่ไม่สามารถรับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดมาก่อนหน้านี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ยาดังกล่าวยังได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อนระยะแรกเริ่ม ระยะฟักตัวและระยะลุกลามในสหรัฐได้เป็นครั้งแรก ร่วมกับวิธีเคมีบำบัดด้วยยา gemcitabine และใช้รักษามะเร็งตับอ่อนระยะลุกลามในสหภาพยุโรป
ปัจจุบันนี้ ยา Tarceva ได้รับการประเมินให้ใช้ในโครงการพัฒนาทางการแพทย์เพื่อการขยายผล ภายใต้ความร่วมมือของโอเอสไอ ฟาร์มาซูติคอลส์ เจเเนเทค และโรช ซึ่งมุ้งเน้นเรื่องการยับยั้งการแพร่กระจายเซลล์มะเร็ง NSCLC ในขั้นต้น นอกจากนี้ ยังมีการศึกษายา Tarceva เพื่อใช้ร่วมกับยา Avastin ในการรักษาเซลล์มะเร็ง NSCLC รวมถึงมะเร็งประเภทอื่นๆกันอย่างกว้างขวาง
เกี่ยวกับโรช
บริษัทโรช ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบาเซล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คือกลุ่มบริษัทด้านการดูแลรักษาสุขภาพระดับแนวหน้า ซึ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในแวดวงเวชภัณฑ์และการตรวจวินิจฉัยโรค ในฐานะผู้จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับการตรวจหา การป้องกัน การวินิจฉัย และการรักษาโรคเบื้องต้น กลุ่มโรชจึงมีส่วนร่วมในระดับแนวหน้า ในการสร้างเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชากรโลก โรชเป็นผู้นำของโลกในการตรวจวินิจฉัย และเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายชั้นนำสำหรับยารักษาโรคมะเร็งและการปลูกถ่าย อีกทั้งเป็นผู้นำตลาดไวรัสวิทยาด้วย ในปี 2548 ยอดขายในแผนกเวชภัณฑ์ของโรช มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.73 หมื่นล้านฟรังซ์สวิส ขณะที่ยอดขายในแผนกตรวจวินิจฉัย อยู่ที่ 8.2 พันล้านฟรังซ์สวิส โรชมีพนักงานประมาณ 70,000 คนใน 150 ประเทศ และมีข้อตกลงด้านการวิจัยและพัฒนา และมีการรวมกลุ่มพันธมิตรกับหุ้นส่วนจำนวนมาก รวมทั้งเป็นเจ้าของหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทเจเนนเทคและชูไก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรช กรุ๊ป สามารถพบได้ทางอินเทอร์เน็ต ( http://www.roche.com )
เกี่ยวกับโรช: www.roche.com
เกี่ยวกับเจเนแทค: www.gene.com
เกี่ยวกับมะเร็ง: www.health-kiosk.ch
แหล่งข่าว: เอฟ.ฮอฟแมน ลา โรช
ติดต่อ: แอนน บลูแมนสต็อก,
ฝ่ายการสื่อสาร,
โทร +44-(0)207-397-7484
เว็บไซต์: http://www.roche.com
http://www.gene.com
http://www.health-kiosk.ch
http://www.cancerhelp.org.uk
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit