รายได้ในไตรมาสสองอยู่ที่ 231.4 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขที่บริษัทคาดไว้
กำไรต่อหุ้นจากการดำเนินการต่อเนื่องอยู่ที่ 0.18 ดอลลาร์สูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 0.07-0.11 ดอลลาร์
การลงทุนระยะสั้นและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มสูงขึ้นที่ระดับ 322.8 ล้านดอลลาร์
บริษัท อินเตอร์เมคและบริษัท ซิมโบลยุติข้อขัดแย้งด้านทรัพย์สินทางปัญญา
บริษัท อินเตอร์เมค อิงค์. (ชื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: IN) ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2549
บริษัท อินเตอร์เมครายงานรายได้ประจำไตรมาสที่สองของปี 2549 ที่ระดับ 231.4 ล้านดอลลาร์และมี กำไรสุทธิจากการดำเนินการต่อเนื่องที่ 11.3 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.18 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2548 ที่ระดับ 217.5 ล้านดอลลาร์และกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.19 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ผลประกอบการสำหรับไตรมาสนี้รวมกำไรก่อนหักภาษีแล้วอยู่ที่ระดับ 2.3 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.02 ดอลลาร์ต่อหุ้น เป็นกำไรที่ได้จากการลงทุนในบริษัท ซาวี เทคโนโลยี (Savi Technology) ที่มีขายให้กับบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน เสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิถุนายน 2549 นอกจากนี้ ในไตรมาสที่สองของปี 2549 ยังรวมค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงโครงสร้างของศูนย์ออกแบบต่างๆ ของบริษัทในเมือง Goteborg และ Lund ประเทศสวีเดนด้วย ซึ่งมีผลเชิงลบต่อกำไรจากการดำเนินการราว 1.1 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งนี้ ในไตรมาสที่สองของปี 2549 บริษัท อินเตอร์เมค ยังได้รวมค่าใช้จ่ายจากการชดเชยหุ้นที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านดอลลาร์ ที่มีผลเชิงลบต่อกำไรต่อหุ้นราว 0.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น
สำหรับอัตราภาษีที่มีผลต่อไตรมาสนี้อยู่ที่ 37% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับของปีก่อนหน้านี้ที่ระดับ 32%
รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2549 เพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสของปีก่อนหน้านี้ โดยเมื่อแบ่งออกตามพื้นที่แล้ว รายได้จากทางอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 8% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ รายได้ในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา เพิ่มขึ้น 3% และส่วนอื่นๆ ที่เหลือของโลก ได้แก่ เอเชียแปซิฟิก และอเมริกาใต้ เพิ่มขึ้น 9%
และหากพิจารณารายได้แบ่งตามสายผลิตภัณฑ์ในไตรมาสที่สองจะพบว่า รายได้จากระบบและโซลูชันเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ส่วนรายได้ด้านบริการเพิ่มขึ้น 7% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนนี้เช่นกัน
“บริษัท อินเตอร์เมคมีผลประกอบการและรายได้ต่อหุ้นที่ดีในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้” ลาร์รี ดี แบรดดี ประธานและซีอีโอบริษัท อินเตอร์เมค กล่าว และว่า “แรงสนับสนุนจากรายได้เชิงบวกของไตรมาสนี้เป็นผลมาจากความสามารถของบริษัทที่ได้ใช้โปรแกรมปรับปรุงผลิตผลและยังคงให้การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อโอกาสของการเติบโตเชิงยุทธศาสตร์ในอนาคต”
ไฮไลท์ด้านธุรกิจอื่นๆ
บริษัท ซิมโบล เทคโนโลยีส์ และบริษัท อินเตอร์เมค ยุติข้อขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดที่ทั้งสองบริษัทมีร่วมกัน ภายใต้ข้อตกลง ทั้งสองบริษัทจะมีสิทธิ์เข้าถึงในสิทธิบัตรบางรายการของทั้งสองฝ่าย และจะไม่มีการฟ้องร้องใดๆ เกิดขึ้นในระยะเวลา 4 ปี และในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจะไม่มีการฟ้องร้องใดๆ เกี่ยวกับข้อขัดแย้งของสิทธิบัตรที่เหลืออยู่ และจะระงับกรณีพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรใดๆ ที่อาจคั่งค้างอยู่หรือที่อาจเกิดขึ้นก่อนวันหมดอายุของข้อตกลงที่ทำร่วมกันนี้ด้วย ทั้งนี้เงื่อนไขที่ระบุในข้อตกลงครั้งนี้เป็นความลับ
บริษัท เมโทร กรุ๊ป หนึ่งในธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตกลงใช้เทคโนโลยี Intermec Gen 2 RFID (radio frequency identification) ในร้านค้าส่งบริษัทที่ชื่อว่า แคช แอนด์ แคร์รี ของบริษัททุกสาขาทั่วประเทศเยอรมนีแล้ว โดยปัจจุบันบรรดาผู้จำหน่ายของเมโทรได้ติดตั้งรหัสป้าย (Tag) ของเทคโนโลยี Gen 2 RFID กับอุปกรณ์เคลื่อนย้ายสินค้าของตนแล้ว
บริษัท อินตอร์เมคยังได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาสนี้ด้วย ไดแก่ เครื่องพิมพ์พกพาใหม่ รุ่น PB42 ที่มีน้ำหนักเบามาพร้อมกับความสามารถด้านบลูทูธในตัวเครื่องที่ออกแบบอย่างกะทัดรัด ให้ความสะดวกกับเครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคล (PAN) เหมาะกับการจัดพิมพ์ใบเสร็จให้กับพนักงานที่ทำงานอยู่บริเวณหน้างาน ขณะที่เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รุ่น PD41 มีตัวเครื่องเป็นโลหะที่ทนทาน รองรับแอพลิเคชันได้หลากหลายทั้งในธุรกิจค้าปลีกและอตุสาหกรรมเบา การขนส่งและโลจิสติก
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีแบบพกพา IP4 รุ่นใหม่ที่ได้รวมประสิทธิภาพของอุปกรณ์ประมวลผลเคลื่อนที่แบบพกพาที่รองรับคลื่นสัญญาณวิทยุหลากหลายชนิด (PAN, LAN และ WAN) รวมทั้งคลื่นอาร์เอฟไอดี ที่มีโปรโตคอลสื่อสารจำนวนมากและสามารถใช้ได้ทั่วโลก อาร์เอฟไอดีของบริษัท อินเตอร์เมคยังสามารถใช้ซ้ำได้ และแท็ก (ป้าย) อาร์เอฟไอดียังทนต่ออุณหภูมิสูงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในกระบวนการผลิตของโรงงาน
การเปิดตัวของเครื่องสแกนใหม่สองรุ่น ได้แก่ EL20 เครื่องสแกนมาตรฐานที่ดึงเอาเทคโนโลยีระบบเครื่องกลไฟฟ้าจุลภาค หรือ เมมส์ (micro-electromechanical systems : MEMS) มาใส่ไว้ในตัวผลิตภัณฑ์เป็นรุ่นที่สองของบริษัท และเครื่องสแกนแบบ linear imager รุ่น EV12 ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับผลิตภัณฑ์และความสามารถด้านการสแกนของบริษัท รวมถึงเทคโนโลยี SmartSystems รุ่น 2.2 ที่บริษัท อินเตอร์เมค ได้เปิดตัวในไตรมาสนี้เช่นกัน มีความสามารถตรงที่ช่วยด้านการสื่อสารระหว่างเครื่องระบบและอุปกรณ์ทั้งหมดของบริษัท อินเตอร์เมค รวมถึงการสื่อสารระยะไกลและจากหลายพื้นที่ ระบบจะกำหนดค่าอุปกรณ์ ADC ให้สามารถใช้ SmartSystems ได้โดยอัตโนมัติ โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมซ่อมแซมด้านความปลอดภัยและทำให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซูลลิแวนมอบรางวัล 2006 Supply Chain Enabling Technology Award ให้กับบริษัท อินเตอร์เมค โดยกล่าวว่าเป็นผลมาจากความพยายามของบริษัท อินเตอร์เมค ในการพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่งให้กับเทคโนโลยีซัพพลายเชน และสนองตอบความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี บริษัท อินเตอร์เมคได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้พัฒนาเครื่องสแกนบาร์โค้ด Intellibeam EL10 ผลิตภัณฑ์ชุดแรกในตระกูล ADC ของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยี MEMS
บริษัท อินเตอร์เมคได้รับการรับรองสถานะในระดับ Gold Certified Partner ในโปรแกรมพันธมิตรของบริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft Partner Program) ซึ่งยอมรับถึงความเชี่ยวชาญของบริษัท อินเตอร์เมคที่มีผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยี ในฐานะ Gold Certified Partner บริษัท อินเตอร์เมคได้สาธิตความเชี่ยวชาญที่มีต่อเทคโนโลยีไมโครซอฟท์และพิสูจน์ให้เห็นว่าตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
การลงทุนระยะสั้นและเทียบเท่าเงินสดของบริษัทที่วางไว้ในไตรมาสที่สองนี้สูงกว่าเดิมที่ระดับ 322.8 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านดอลลาร์ การเพิ่มการลงทุนระยะสั้นและเทียบเท่าเงินสดเป็นผลมาจากกระแสเงินสดจากกิจกรรมด้านการดำเนินการเป็นหลัก
นอกจากนี้ บริษัท อินเตอร์เมคยังรายงานภาพอนาคตสำหรับไตรมาสที่สมและปีงบประมาณ 2549 ทั้งปีบนฐานของหลักการบัญชีที่ยอมรับทั่วไป
ในไตรมาสที่สาม
รายได้คาดไว้ที่ระดับ 230 – 240 ล้านดอลลาร์
กำไรต่อหุ้นจากการดำเนินการต่อเนื่องคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 0.17 - 0.21 ดอลลาร์
ปีงบประมาณ 2549
รายได้คาดไว้ในช่วง 953 - 973 ล้านดอลลาร์
กำไรต่อหุ้นจากการดำเนินการต่อเนื่องคาดไว้ที่ระดับ 0.90 - 1.00 ดอลลาร์
เกี่ยวกับบริษัท อินเตอร์เมค
บริษัท อินเตอร์เมค (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก : IN) พัฒนา ผลิต และผสานเทคโนโลยีที่สามารถระบุ ติดตาม และจัดการทรัพย์สินในซัพพลาย เชนได้ เทคโนโลยีหลักของบริษัท ได้แก่ อาร์เอฟไอดี ระบบคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่และระบบเก็บรวบรวมข้อมูล เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด รวมถึงสื่อป้ายผนึก ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทถูกนำไปใช้เพื่อปรับปรุงด้านการผลิต คุณภาพ และการตอบสนองของการดำเนินธุรกิจของลูกค้าในอุตสาหกรรมหลายแห่งทั่วโลก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท อินเตอร์เมค เยี่ยมชมได้ที่ www.intermec.com
(แถลงการณ์ล่วงหน้า)
แถลงการณ์ล่วงหน้าบางรายการในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ (ที่ระบุตามาตรา 27A ของกฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 และฉบับแก้ไขในมาตรา 21E ของกฎหมายตลาดหุ้นปี 1934) อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น แต่คาดการณ์จากฐานความสามารถของบริษัทที่จะยังคงปรับปรุงผลกำไรในส่วนธุรกิจของบริษัทต่อไป สร้างสายผลิตภัณฑ์ปัจจุบันให้สมบูรณ์ ลดค่าใช้จ่าย ปรับปรุงประสิทธิภาพ วางแนวทรัพยากรใหม่ เพิ่มความสามารถด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใช้การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลักดันรายได้ในอนาคต และความสามารถในการปรับปรุงด้านการดำเนินการต่อไปและในปีต่อๆ ไป แถลงการณ์ล่วงหน้านี้อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนบางอย่าง ซึ่งบริษัทได้ยื่นรายงานต่อคณะกรรมาธิการตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงผลประกอบการประจำปีในรูป Form 10-K และรายงานประจำไตรมาสในรูป Form 10-Q แล้ว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ศรีสุพัฒ เสียงเย็น
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
บริษัท คอร์แอนด์พีค จำกัด
โทร. 02-439-4600
[email protected]