บมจ.สิงห์ พาราเทค ประกาศเพิ่มทุน 128 ล้านหุ้น เผยนำเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม หลังจากมีออเดอร์ทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ผู้บริหารคาดอนาคตผลประกอบการพุ่งตามยอดการผลิตและจำหน่ายดังนั้นแม้จำนวนหุ้น SINGHA มีมากขึ้น แต่จะไม่ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นลดลง
นายสมจิตร โบว์เสรีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ พาราเทค (SINGHA) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 6/2549 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 320 ล้านบาท เป็น 576 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 128 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 2.50 บาท
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) จำนวน 112 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายหลังจากที่ได้เพิ่มทุนไปแล้ว ในสัดส่วน 4 หุ้นสามัญต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยไม่คิดมูลค่า มีอายุ 7 ปี ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญอัตราหุ้นละ 6 บาท และอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญอีก 16 ล้านหน่วย ให้กับกรรมการและพนักงาน(ESOP) มีอายุ 5 ปี ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญอัตราหุ้นละ 1 บาท โดยให้ใช้สิทธิได้ปีละ 20% ของจำนวน ESOP ทั้งหมด
นอกจากนั้น ได้อนุมัติให้เพิ่มทุนอีก 128 ล้านหุ้นเพื่อรองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) จำนวน 112 ล้านหน่วย ที่ออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมภายหลังจากที่ได้เพิ่มทุนไปแล้ว และรองรับการแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญอีก 16 ล้านหน่วย ที่ออกให้กับกรรมการและพนักงาน(ESOP)ตามมติข้างต้น
กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมริเวอร์วิว เพลส เลขที่ 35/5 ถ.อู่ทอง ต.หอรัตนชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัทเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จ และให้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น เพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญในส่วนเพิ่มทุน ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2549 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทมีแผนจะไปซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ได้มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทไม่สามารถป้อนให้ทันกับความต้องการได้
"หากการเพิ่มทุนเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ บริษัทจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรใหม่และ test run ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2550 โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 2.2ล้านตารางเมตร/ปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 1.4 ล้านตารางเมตร/ปี โดยแผนงานในปี 2550 บริษัทเตรียมที่จะขยายตลาดไปยังออสเตรเลีย-ตะวันออกกลาง จากปัจจุบันที่ทำตลาดในแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย และสหรัฐฯอเมริกา"
นายสมจิตรกล่าวอีกว่า การเพิ่มทุนของบริษัทครั้งนี้ คาดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเมื่อยอดการผลิตและจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น ก็จะผลักดันให้ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถถัวเฉลี่ยกับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นได้และไม่ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นลดลง ส่วนเป้าหมายรายได้ในปีนี้ยังคงไว้ที่ระดับเดิม 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 752.24 ล้านบาท
บริษัท สิงห์ พาราเทค จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตไม้พื้นสำเร็จรูป เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ในปี 2548 สัดส่วนการขายในประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณ1.73 % แคนาดา 2.30 % ประเทศในแถบเอเชีย 4.15 % และสหภาพยุโรป 91.82 % นับเป็นผู้ผลิตไม้พื้นสำเร็จรูปคุณภาพสูงและเป็นรายใหญ่รายหนึ่งจากผู้ผลิตในประเทศทั้งหมด 4 ราย
สิงห์พาราเทค ผลิตไม้พื้นสำเร็จรูปเพื่อตกแต่งบ้านและอาคาร ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SINGHA PARKET” และรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า ด้วยสัดส่วนร้อยละ 60 และ 40 ตามลำดับ
โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัท ผลิตจากไม้เกรดดีจากต่างประเทศ เช่น ไม้โอ๊ค ไม้เมเพิล ไม้เชอร์รี่ ไม้บีช ไม้แอ็ช ไม้เมอร์บาวด์ ไม้แคมปัส และไม้ยางพารา เป็นต้น