บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (Bliss) ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ สรุปรายได้ประจำปี 48 กว่า 9,900 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายตัวของผู้ใช้มือถือในประเทศ พร้อมย้ำปี 49 ตั้งเป้ารายได้กว่า 15,000 ล้านบาท เผยปรับทัพธุรกิจครั้งใหญ่ บุกตลาดต่างประเทศ เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าและบริการ เตรียมขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีก
นายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการประจำปี 2548 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,900.51 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 9,141.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 114.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 11.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“จากผลประกอบการที่ผ่านมา ถือว่าบริษัทฯ สามารถขยายตัวได้ดีในส่วนของรายได้ที่ใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มสูงขึ้นเป็น 19% แต่ในขณะเดียวกันในปีที่ผ่านมา ธุรกิจจำหน่ายมือถือต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันด้านราคาในตลาดค้าปลีกค่อนข้างมาก ทำให้ที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องเพิ่มการจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นน้อยกว่าการขายปลีก ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทฯมีการปรับตัวลดลงดังกล่าว”นายอรรถวิชญ์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2549 บริษัทมีแผนปรับกลยุทธ์ เพื่อรองรับภาวะการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจจำหน่ายมือถือ โดยจะเน้นการจัดการด้านการบริหารสินค้าคงคลังที่ดี เพิ่มช่องทางขายสินค้า และการรุกขยายตลาดในต่างประเทศ อีกทั้งการได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักของแบรนด์โทรศัพท์มือถือชั้นนำ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง
ล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิคส์ จำกัด ให้เป็น Business Partner ทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายหลักของโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อซัมซุงในประเทศไทย ซึ่งทำให้บริษัทฯ สามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงจากบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิคส์ จำกัด ประเทศเกาหลีใต้ และสามารถขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อซัมซุงทั้งค้าปลีกและค้าส่งให้แก่ผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆ
“การแต่งตั้งให้บลิส-เทลเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักของโทรศัพท์มือถือซัมซุงนั้น นอกจากจะเป็นการยืนยันความสำเร็จของบลิส-เทลในฐานะผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายและให้บริการทางด้านโทรคมนาคมอันดับหนึ่งแล้ว การแต่งตั้งดังกล่าวยังจะส่งผลดีต่อภาพรวมของบริษัทฯ ในแง่ของการสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือต่อพันธมิตรต่างชาติรายอื่นๆ อีกทั้งจะยังส่งผลต่อปริมาณการขายโทรศัพท์มือถือของบลิส-เทล เนื่องจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายทำให้ผู้ขายโทรศัพท์รายอื่นจะต้องสั่งซื้อเครื่องผ่านบริษัทเท่านั้น ซึ่งในปีที่ผ่านมาซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์จากตลาดรวมในประเทศ” นาย อรรถวิชญ์ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ดำเนินแผนการสร้างมูลค่าเพิ่มของบริษัทฯ ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสารที่มีจำนวนสาขามากที่สุดถึงกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งจากจุดแข็งนี้ทำให้บลิส-เทล มีอำนาจการต่อรองที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการหารายได้จากการให้บริการชำระค่าบริการ และบริการเสริมต่างๆ ในรูปแบบของบีเพย์ (bpay) ทีได้เปิดให้บริการไปตั้งแต่กลางปี 48 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เชื่อว่าการเปิดให้บริการธุรกิจดังกล่าว จะเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต ซึ่งในขณะนี้ลูกค้าสามารถใช้บริการชำระเงินบีเพย์ได้ที่ร้านบลิสเทล ช็อปทุกสาขาที่มีสัญลักษณ์บีเพย์ โดยจะสามารถให้บริการรับชำระค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าบัตรเครดิตเอชเอสบีซี, ค่าโทรศัพท์ฮัทซ์, และค่าตั๋วเครื่องบินวัน ทู โก ซึ่งจากการเริ่มต้นรูปแบบการบริการนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าบลิส-เทล”
นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อว่า บริษัท บลิสสปอร์ต จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ไนกี้ ด้วยทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 10,000,000 บาท โดยบลิส-เทล ถือหุ้นทั้งสิ้น 80 เปอร์เซ็นต์
“ในปี 49 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายของบลิส-เทล ที่จะขยับตัวจากผู้นำในธุรกิจจำหน่าย และให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม ไปเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของเมืองไทยโดยกลุ่มธุรกิจที่เป็นรายได้หลัก คือ การจัดจำหน่ายอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม อีกทั้งในปีนี้จะเป็นการปูทางสู่ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์กีฬาด้วย” นายอรรถวิชญ์ กล่าวในตอนท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
พรพรรณ ฉวีวรรณ / คชภพ สงวนวงศ์
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน)
โทร 0-2662-2266
มือถือ 0-6551-3403
www.124comm.com