เกียรตินาคินสรุปผลการดำเนินงาน ปี 47 กำไร 2,208 ล้านบาท

21 Jan 2005

กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย)

บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2547 ว่า ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรมาจากธุรกิจหลักของบริษัทคือ ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อธุรกิจ

สำหรับผลประกอบการของเกียรตินาคิน ในปี 2547 มีกำไรสุทธิก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,363 ล้านบาทและกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 2,208 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี2546 มีกำไรสุทธิก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 13.3% และกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 6.9% และมีส่วนเกินทุนจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องเพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาท และส่วนเกินทุนจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขายลดลงจำนวน 327 ล้านบาท

รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล เท่ากับ 4,450 ล้านบาทในปี 2547 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวนเท่ากับ 4,173 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นจากจำนวน 856 ล้านบาทเป็นจำนวน 1,489 ล้านบาทในปี 2547 คิดเป็น 74% โดยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 %จากปีก่อน สำหรับรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมอื่นแสดงจำนวนที่ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนเนื่องจากมีรายการพิเศษที่เกิดขึ้นในปีก่อน ถ้าไม่นับรวมผลกำไรที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษในปี 2546 ส่วนต่างของรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลระหว่างงวด จะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อน

ดอกเบี้ยและส่วนลดจ่ายในปี 2547 มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากจำนวน 948 ล้านบาท เป็นจำนวน 952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4% จากปีก่อน ในขณะที่เงินกู้ยืมเพื่อรองรับการปล่อยกู้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

เงินกู้ยืมและเงินฝากในปี 2547 มีจำนวน 34,418 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนมีจำนวน 19,748 ล้านบาท คิดเป็น 74%

ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมของปี 2547 เพิ่มขึ้น จากปีก่อนจำนวน 499 ล้านบาท โดยบริษัทฯยังคงนโยบายในการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมอย่างระมัดระวัง มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับเงินให้กู้ยืมจำนวน 3,611 ล้านบาท ในขณะที่เงินสำรองที่ต้องกันตามเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด มีจำนวนเพียง 2,360 ล้านบาท

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปี 2547 มีจำนวน 1,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 2,167 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลงจากปีก่อนส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้อื่นที่ลดลงอย่างมากในงวดนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการรับรู้รายได้พิเศษจากการซื้อคืนทรัพย์สินรอการขายของลูกหนี้รายหนึ่งในปี 2546

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงมีการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงประมาณ 8.5%ในขณะที่มีการเจริญเติบโตและเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมเป็นอย่างมาก สินทรัพย์รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากจำนวน 42,670 ล้านบาทเป็นจำนวน 57,454 ล้านบาทในปี 2547 คิดเป็น 35% ในระหว่างปี 2547 บริษัทฯ สามารถชนะการประมูลลูกหนี้จากกรมบังคับคดีทั้งสิ้น 3,890 ล้านบาทจึงทำให้เงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2,038 ล้านบาทคิดเป็น 21% เงินให้กู้ยืมตามสัญญาเช่าซื้อและเงินให้กู้ยืมเพื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็น 128%และ 63% ตามลำดับ นอกจากนี้บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อทั่วไปใหม่เพิ่มขึ้นในระหว่างปีประมาณ1,000 ล้านบาท ในขณะที่สามารถลดลูกหนี้เก่าลงประมาณ 1,416 ล้านบาท

Note to Editor

บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน ได้รับการเห็นชอบให้เป็นธนาคารพาณิชย์แบบเต็มรูปแบบ (Commercial Bank) จากกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2547 โดยจะมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความชำนาญต่อเนื่องจากการเป็นบริษัทเงินทุน คือ สินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อพาณิชย์กรรมและอุตสาหกรรมในบางธุรกิจเช่น ธุรกิจขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และสิ่งพิมพ์เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะเสริมบริการหลักเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์อื่นในระยะ 3 ปีแรก พร้อมทั้งยกระดับสำนักอำนวยสินเชื่อ 15 แห่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศให้เป็นสาขาของธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ขณะนี้บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน มีสินทรัพย์ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทและมีเป้าหมายที่จะขยายเป็น 1 แสนล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

คุณวิไลพร เลื่อมวิทยากุล

บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)

โทรศัพท์ 0-2680-3163-5 โทรสาร 0-2256-9669 หรือ

คุณธัชกร ลิมปสุรัติ

บริษัท เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย) จำกัด

โทรศัพท์ 0-2257-0300 ต่อ 314 โทรสาร 0-2257-0312--จบ--