กรุงเทพฯ--27 ต.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- กลุ่มผู้ถือหุ้นหลักให้การสนับสนุนแผนการรวมกิจการ
- ผู้ถือหุ้นจะลงมติต่อการรวมกิจการในวันที่ 13 และ 14 พฤศจิกายน
บริษัทหลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย จำกัด (มหาชน) (บล. เอบีเอ็น) และบริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด (มหาชน) (บล. แอสเซท พลัส) รายงานในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2546) ว่าทั้งสองบริษัทมีกำไรสุทธิสูงมากในไตรมาสที่สาม (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2546)
บล. เอบีเอ็น มีผลกำไรสุทธิ 323.15 ล้านบาทจากรายได้ 706.51 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 2.49 บาท ขณะที่ บล. แอสเซท พลัส มีกำไรสุทธิ 133.97 ล้านบาทจากรายได้ 347.77 ล้านบาทและมีกำไรต่อหุ้น 2.23 บาท โดยกำไรของไตรมาสที่สามนี้สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาของทั้งสองบริษัทโดยบล. เอบีเอ็น เพิ่มขึ้น 1,171% และบล. แอสเซท พลัส เพิ่มขึ้น 475% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2545
บล. เอบีเอ็นมีกำไรสุทธิ 436.57 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ขณะที่บล. แอสเซท พลัส
มีกำไรสุทธิ 210.17 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2546 ที่ผ่านมา ทั้งสองบริษัทได้ประกาศแผนการรวมกิจการมูลค่า 12,000 ล้านบาท และหากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก-ทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะทำให้เกิดบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการครบ วงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งผู้ถือหุ้นของบล. แอสเซท พลัส จะลงมติต่อแผนการรวมกิจการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนนี้
ในวันนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด 4 รายของบล. แอสเซท พลัส ได้ประกาศให้การสนับสนุนแผนการรวมกิจการดังนี้
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 19.6% กล่าวว่า "ผมสนับสนุนการรวมกิจการในครั้งนี้ เนื่องจากจะทำให้เกิดบริษัทหลักทรัพย์ใหม่ที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันและแตกต่างจากบริษัทอื่น โดยมีความแข็งแกร่งใน 3 บริการหลักของธุรกิจหลักทรัพย์คือ บริการด้านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บริการวาณิชธนกิจ และการจัดการกองทุนส่วนบุคคล"
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นของบล. แอสเซท พลัส จำนวน 7.5 % กล่าวว่า "การรวมกิจการครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆ มากมาย เนื่องจากทั้งสองบริษัทต่างมีจุดแข็งที่สามารถเสริมสร้างซึ่งกันและกันได้และไม่มีธุรกิจที่ซ้ำซ้อนกันการรวมกันจึงก่อให้เกิดคุณค่าต่อผู้ถือหุ้นของทั้งบล. แอสเซท พลัส และ บล. เอบีเอ็น"
นายชาตรี โสภณพนิช ถือหุ้นจำนวน 8.2% และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่สามในบล.แอสเซท พลัส กล่าวว่า "การรวมกิจการกันในครั้งนี้ถือว่าเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม และการเป็นคนกลุ่มแรกที่รวมกิจการกันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท"
ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหารบล. แอสเซท พลัส และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 20.2% กล่าวว่า "ผมสนับสนุนต่อการรวมกิจการในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นซินเนอยี่คือเป็นการผสานเพื่อเสริมสร้างจุดแข็งของสององค์กรเนื่องด้วยจุดแข็งของบล. แอสเซท พลัสในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผนวกกับจุดเด่นของบล.เอบีเอ็น ที่มีฐานลูกค้าธุรกิจหลักทรัพย์ที่กว้างขวางและมีประสบการณ์ด้านการวิจัยหลักทรัพย์และงานด้านปฏิบัติการ ทำให้เราสามารถให้ข้อเสนอที่ดีกับผู้ที่จะมาเป็นลูกค้าของเราได้"
ผู้ถือหุ้นของ บล. แอสเซท พลัส จะได้รับเชิญให้มาร่วมลงมติในแผนการรวมกิจการนี้ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2546 รวมถึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมชี้แจงในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2546 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของที่ปรึกษาการเงินอิสระ (IFA)
ผู้ถือหุ้นของ บล. เอบีเอ็น จะมีการลงมติต่อการรวมกิจการในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2546
บล. เอบีเอ็น ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ คือหุ้นของบล. แอสเซท พลัส 1 หุ้นต่อหุ้นของ บล. เอบีเอ็น 1.083333 หุ้น ถือเป็นการแลกเปลี่ยนหุ้นโดยสัดส่วนและไม่มีการจ่ายเงินสด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อบริษัท บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ จำกัด
ไพโรจน์ ภาชนะปรีดา (ต่อ 115) หรือ ฮัสซัน บาซาร์ (ต่อ 105)
โทรศัพท์ 02-664 9500 โทรสาร 02-664 9515
หมายเหตุ:
- บล. เอบีเอ็น เป็นบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 7.41% ในเดือนกันยายน 2546 และมีพนักงานประมาณ 640 คน
บล. แอสเซท พลัส มีส่วนแบ่งการตลาด 3.33% บริษัทได้รับการยอมรับในจุดแข็งด้านวาณิชธนกิจ ด้วยการเป็นผู้นำในการนำบริษัทเอกชนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การจัดการกองทุนส่วนบุคคล และบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุน ในปี 2545 บล. แอสเซท พลัส ได้เป็นที่ปรึกษาและแกนนำในการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ถึง 57% ของมูลค่าการระดมทุนของหุ้นใหม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดเช่นเดียวกับในช่วงครึ่งแรกของปี 2546 บล. แอสเซท พลัส มีสินทรัพย์รวมกว่า 10,000 ล้านบาท ที่อยู่ภายใต้การจัดการและให้คำแนะนำในการลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานประมาณ 180 คน--จบ--
-รก-