วช. เผยปัจจัยเสี่ยงไวรัสตับอักเสบซี

11 Jul 2003

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--วช.

เผย 5 ปัจจัยเสี่ยงไวรัสตับอักเสบซี ใช้ยาเสพติดแบบฉีด, รับเลือดไม่ผ่านการตรวจกรอง, ใช้เข็มฉีดยาและมีดโกนหนวดร่วมกันและไม่ใส่ถุงยางอนามัย จะไม่แสดงอาการระยะแรก แต่ท้ายสุดตับแข็ง - มะเร็งตับ ชี้ ไม่มีวัคซีนใดป้องกันได้

ไวรัสตับอักเสบซีเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วโลก การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับ ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรค

สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ตระหนักถึงสุขภาพและการดำเนินชีวิตของประชากรไทย จึงให้ทุนอุดหนุนการวิจัยแก่ ผศ.นพ. ทวีศักดิ์ แทนวันดี และคณะ จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ทำการวิจัยเรื่อง "ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ในกลุ่มผู้บริจาคโลหิตในประเทศไทย" เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันการติดเชื้อใหม่และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในผู้ป่วยที่ได้รับโลหิตหรือส่วนประกอบของโลหิต โดยศึกษาจากผู้ที่เข้าร่วมบริจาคโลหิตที่มีผลตรวจเลือดแอนตี้-บอดี้เป็นบวก จำนวน 435 คน เปรียบเทียบกับผู้บริจาคโลหิตที่มีผลตรวจเลือดแอนตี้บอดี้เป็นลบ จำนวน 849 คน ในศูนย์ผู้บริจาคโลหิต

ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในผู้บริจาคโลหิต ได้แก่ การมีประวัติติดยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น การมีประวัติได้รับเลือดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจกรองไวรัสตับอักเสบซี การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน โดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ การใช้มีดโกนหนวดร่วมกัน และการไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อร่างกาย--จบ--

-รก-