การส่งเสริมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย ในงาน Thailand Health & Beauty Show 2003

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--กรมส่งเสริมการส่งออก 1. ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยมีผู้ประกอบการ 400 ราย โดยโรงพยาบาลเอกชนที่มีความพร้อมในการให้บริการชาวต่างประเทศมี 33 ราย ปัจจุบันประเทศไทย เป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง และก้าวหน้าสู่มาตรฐานสากลจนเป็นที่นิยมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก จากสถิติชาวต่างประเทศที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนผู้ป่วยชาวต่างประเทศที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย โดยในปี 2545 มีจำนวน 630,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ร้อยละ 13 สามารถจำแนกดังนี้ 1.1 ชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย จำแนกตามกลุ่มดังนี้ 1) กลุ่มชาวต่างประเทศ (ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมันนี ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย) ที่อยู่/ทำงานในประเทศใกล้เคียงและอยู่/ทำงานในประเทศไทย (Expatriate) มีประมาณร้อยละ 60 หรือประมาณ 380,000 คน ประกอบด้วย - อินโดจีน/อาเซียน (กัมพูชา พม่า เวียดนาม ลาว ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย) - เอเชียใต้ (บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย และปากีสถาน) - จีน 2) กลุ่มชาวต่างประเทศจากประเทศใกล้เคียงที่บินเข้ามารักษาพยาบาลในไทยประมาณร้อยละ 30 หรือประมาณ 189,000 คน ประกอบด้วย - อินโดจีน (กัมพูชา พม่า เวียดนาม และลาว) - เอเชียใต้ (บังคลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย ปากีสถาน มัลดีฟส์ เนปาล และภูฎาน) - ตะวันออกกลาง (อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และโอมาน) 3) กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีประมาณร้อยละ 10 ของคนไข้ชาวต่างประเทศ หรือประมาณ 63,000 คน 1.2 แบ่งตามสัญชาติของผู้ป่วยชาวต่างประเทศที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย ลำดับ สัญชาติ จำนวนผู้ป่วยชาวต่างประเทศ (คน) คิดเป็นสัดส่วน ปี 2545 ร้อยละ (%) 1 ญี่ปุ่น 131,584 20.89 2 สหรัฐอเมริกา 59,402 9.43 3 อังกฤษ 41,599 6.60 4 ไต้หวัน/จีน 27,438 4.36 5 บังคลาเทศ 23,803 3.78 6 อินเดีย 23,752 3.77 7 เยอรมนี 18,923 3.00 8 ตะวันออกกลาง 18,560 2.95 (U.A.F.,โอมาน, คูเวต,อิสราเอล) 9 ฝรั่งเศส 17,679 2.81 10 ออสเตรเลีย 16,479 2.62 11 เกาหลีใต้ 14,877 2.36 12 อื่นๆ 235,904 37.45 รวม 630,000 100 2. สาเหตุที่ชาวต่างประเทศนิยมเดินทางเข้ารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทย 2.1 ศักยภาพของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย ได้แก่ - เทคโนโลยีชั้นสูงและวิทยาการทางการแพทย์ในประเทศไทยก้าวหน้าไปถึงขั้นการรักษาด้วยวิธี Telemedicine ผ่านสัญญาณดาวเทียมร่วมกับสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป - บุคลากรทางการแพทย์ของไทยมีประสบการณ์และสามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 2.2 มีการให้บริการที่ดีเลิศ - มีประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีเยี่ยม - มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีชื่อเสียง อาทิ โรคหัวใจ โรคไต โรคสมอง และศัลยกรรมตกแต่ง 2.3 มีจรรยาบรรณทางการแพทย์ 2.4 โรงพยาบาลของไทยได้รับการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลสากลแห่งแรกในเอเชีย จากสถาบันรับรองคุณภาพโรงพยาบาลสากลซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา (Joint Commission on International Accreditaion หรือ JCIA) 3. เป้าหมายและมาตรการส่งเสริมธุรกิจโรงพยาบาลในระยะ 3 ปี (2546-2548) ในปัจจุบันธุรกิจบริการสุขภาพของไทยเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมากขึ้นจากอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน และได้กำหนดเป้าหมายและมาตรการส่งเสริมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย รวมทั้งสรุปปัญหา/แนวทางแก้ไข ดังนี้ วิสัยทัศน์ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพและการรักษาพยาบาลของโลก เป้าหมาย ในปี พ.ศ.2548 ได้ตั้งเป้าหมายให้มีชาวต่างประเทศเข้ามาใช้บริการสุขภาพในประเทศไทย จำนวน 1,000,000 คน อัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 15 ประมาณการรายได้ 27,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจบริการสุขภาพ ประมาณ 23,000 ล้านบาท และจากค่าใช้จ่าย อื่นๆ ประมาณ 4,000 ล้านบาท ตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ/และกลยุทธ์การเจาะตลาด ตลาดเป้าหมายได้แก่ - ตะวันออกกลาง - เอเชียใต้ - สหภาพยุโรป - ประเทศเพื่อนบ้าน อินโดจีน/อาเชียน - เอเชียตะวันออก 4. ตลาดที่มีศักยภาพทางด้านบริการรักษาพยาบาล ได้แก่ ตะวันออกกลาง 1) เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงเนื่องจากเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในสหรัฐอเมริกาและปัญหาสงครามในตะวันออกกลาง จึงทำให้ผู้ป่วยชาวตะวันออกกลางเดินทางไปรักษาพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย แทนการไปยุโรปและอเมริกา ส่วนในประเทศไทยนั้นมีอัตราการเข้ามารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 200 2) คณะตำรวจระดับสูงจากดูไบเยี่ยมชมโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลตำรวจ (มกราคม 2546) และมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ระหว่างกรมตำรวจดูไบและโรงพยาบาลเอกชนของไทยในการส่งผู้ป่วยตำรวจดูไบพร้อมครอบครัวประมาณ 20,000-35,000 คน มารักษาพยาบาลในไทย (มีนาคม 2546) 3) โรงพยาบาลเอกชนร่วมเดินทางไปกับคณะผู้รับเหมางานก่อสร้างเยือนกาตาร์ (มีนาคม 2546) เพื่อประมูลงานหมู่บ้านนักกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2549 และจัดทีมแพทย์พยาบาลไปรับงานด้านการพยาบาลนักกีฬาและสื่อมวลชนในมหกรรมกีฬาดังกล่าว โรงพยาบาลเอกชนไทย ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมโครงการรายหนึ่ง ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีสำหรับการขยายธุรกิจบริการด้านโรงพยาบาลไปยังประเทศกาตาร์ โดยมีการเจรจาและให้ความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้ - การเสนอให้บริการรักษาพยาบาลในลักษณะ Package สำหรับโรงพยาบาลของรัฐกาตาร์ โดยมีการฝึกอบรมและแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล - การเสนอให้บริการรักษาพยาบาลรวมทั้งการส่งพนักงานนวดและหน่วยอายุรเวชมาประจำในงานเอเชี่ยนเกมส์ที่กาตาร์ โดยฝ่ายกาตาร์เห็นด้วยในหลักการและขอให้ฝ่ายไทยจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอให้พิจารณาต่อไป 4) ทีมก่อสร้างของไทย (FEDCON) ชนะการประมูลสร้าง Hamad Medical City ในกาตาร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านนักกีฬาในศูนย์กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ หลังจากปี 2006 จะปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล (คล้ายกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์) โดยมีโรงพยาบาล 6 หลัง ที่เหลือเป็นหอพักพยาบาล/แพทย์ และอีก 1 หลัง เป็นกระทรวงสาธารณสุข (ธันวาคม 2545) เอเชียตะวันออก อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวันและจีน เป็นตลาดที่มีจำนวนผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาพยาบาลมาก โดยเฉพาะญี่ปุ่นมีมากที่สุดนับเป็นอันดับหนึ่ง โดยในปี 2545 มีจำนวนกว่า 130,000 ราย ส่วนไต้หวัน/จีน มีจำนวน 51,241 ราย นับเป็นตลาดที่มีโอกาสค่อนข้างสูงเช่นกัน เอเชียใต้ อาทิ บังคลาเทศ อินเดีย เนปาล ปากีสถาน มัลดีฟส์ ภูฏาน และศรีลังกา นิยมเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย ซึ่งภาคเอกชนมีความสนใจในการขยายตลาดในภูมิภาคนี้มาก เนื่องจากในแต่ละปีจะมีลูกค้าจากประเทศต่างๆ เหล่านี้มาใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชนไทย ปีละไม่ต่ำกว่า 60,000 ราย ยุโรปและอเมริกา เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสำหรับธุรกิจโรงพยาบาล เพราะจำนวนผู้ป่วยชาวต่างประเทศที่รักษาพยาบาลในไทย ซึ่งรวมทั้งกลุ่มที่ทำงาน/อยู่ในไทยและประเทศใกล้เคียง (EXPAT) มีจำนวนสูงลำดับต้นๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา 59,400 คน (อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น) อังกฤษ 41,600 คนเยอรมนี 18,923 คน ฝรั่งเศส 17,679 คน สำหรับ Medicare ของสหรัฐอเมริกา และหน่วยงานประกันสังคมด้านสุขภาพของประเทศต่างๆ ของยุโรป ควรมีการเจรจาขอให้หน่วยประกันสังคมอนุญาตให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพในไทยได้ ซึ่งอาจจะใช้เวที FTA ในการเจรจา 5. กลยุทธ์การเจาะตลาดโดยมีกิจกรรมและแผนการส่งเสริมการส่งออก ดังนี้ - สร้างภาพลักษณ์ของการบริการของด้านสุขภาพของไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเป้าหมายที่สำคัญ อาทิ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ในต่างประเทศและวารสารต่างๆ ในตลาดเป้าหมาย เป็นต้น - การเชิญผู้บริหารระดับสูงขององค์กรและหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการตัดสินใจเบิกค่าประกันสังคมเข้ามาเจรจากับภาคเอกชนในไทย - การจัดคณะผู้บริหารระดับสูงเข้าไปเจรจาในกลุ่มตลาดเป้าหมาย เพื่อลดปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดทางด้านกฎระเบียบ - จัดงานแสดงสินค้าสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) เริ่มตั้งแต่ปี 2542-ปัจจุบัน (กันยายน) รวม 4 ครั้ง โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 กันยายน 2546 โดยมีธุรกิจหลักและผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมงาน ดังนี้ - ธุรกิจโรงพยาบาล - ธุรกิจสปา - สถานบริการนวดแผนไทยและสมุนไพรไทย - ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม - ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย - ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม - สถานบริการ/ฟื้นฟูเพื่อสุขภาพ - สถานบริการความงาม - เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Thailand Exhibition (Solo Show) ในกลุ่มตลาดเป้าหมาย อาทิ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อินโดจีน และจีน เป็นต้น - สำรวจศักยภาพของตลาด และ Product ที่เหมาะกับตลาดนั้นๆ อาทิ การเสนอบริการรักษาพยาบาลในลักษณะ Package, การฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนบุคคลากรทางการแพทย์, รับจ้างเป็นที่ปรึกษาบริหารและจัดการบริการโรงพยาบาลในประเทศที่กำลังพัฒนาและประเทศที่ด้อยพัฒนา - จัดโครงการความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนบุคคลากรทางการแพทย์ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ รวมทั้ง Networking ระหว่างโรงพยาบาลของไทยและต่างประเทศ - จัดตั้งผู้แทนการขายหรือเอเย่นต์ในตลาดเป้าหมาย 6. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและความงามสำหรับงบประมาณปี 2546 1. จัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจโรงพยาบาลไทยในงานแสดงสินค้าสุขภาพและความงาม Thailand Health & Beauty Show 2003 (24-28 กันยายน) 2. การจัดกิจกรรมพิเศษ Highlight "Medical Services" ในงาน Thailand Exhibition 2003 ณ เมืองซาร์จาห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาทิการจัด Press Conference การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น การจัดแสดงภาพลักษณ์และศักยภาพของธุรกิจโรงพยาบาล (วิดีโอ และ CD Presentation ชุดนิทรรศการเคลื่อนที่ ฯลฯ) จัดกิจกรรมให้คำปรึกษา (Consultation) โดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลเอกชน 5 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ 3. ประชาสัมพันธ์ธุรกิจสุขภาพและความงามในสื่อต่างๆ ของทั้งในและต่างประเทศ 4. เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Thailand Exhibition (Solo Show) ในกลุ่มตลาดเป้าหมาย อาทิ เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง อินโดจีน และจีน เป็นต้น 7. ปัญหาและอุปสรรคของธุรกิจโรงพยาบาล 7.1 โรงพยาบาลไม่สามารถลงโฆษณาตัวเองได้ตาม พรบ.สถานพยาบาลซึ่งตามกฎหมายห้ามไม่ให้โรงพยาบาลประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ตนเอง เช่น โรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับรองมาตรฐานโรงพยาบาลสากลจากสถาบันรับรองคุณภาพโรงพยาบาลสากล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา (JCIA) นั้นไม่สามารถชูจุดขายเพื่อประชาสัมพันธ์ว่าได้รับการรับรองมาตรฐาน แม้ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงก็ตาม แนวทางแก้ไข กระทรวงสาธารณสุขควรกำหนดแนวทางในการพิจารณาเรื่องการอนุญาตให้สถานพยาบาลเอกชนสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ตามกฎเกณฑ์และแนวทางที่กระทรวงฯ กำหนดขึ้นโดยมีการดูแลควบคุมให้เหมาะสม 7.2 การอนุญาตให้แพทย์ชาวต่างประเทศเข้ามาพร้อมคนไข้เพื่อแนะนำให้คำปรึกษาร่วมกับแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนของไทยเพราะแพทย์ไทยไม่สามารถที่จะเข้าใจภาษาท้องถิ่นของประเทศต่างๆ ได้ จึงมีความจำเป็นที่จะให้แพทย์ที่คุ้นเคยกับคนไข้หรือเป็นแพทย์ที่สื่อภาษากับคนไข้ได้ (เช่นภาษาพม่า, เวียดนาม, สแกนดิเนเวีย ฯลฯ) แนวทางแก้ไข อำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง รวมทั้งการออกวีซ่า On-arrival ให้กับแพทย์ชาวต่างประเทศ 7.3 ธุรกิจบริการโรงพยาบาลเอกชนของไทยเพิ่งได้รับการส่งเสริมไม่นานและยังไม่เป็นที่รู้จัก ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ มีการส่งเสริมมานานแล้วทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แนวทางแก้ไข สนับสนุนให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ รวมทั้งในการประชุมและสัมมนาทางการแพทย์ ในระดับนานาชาติให้มากขึ้น โดยจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์หลายภาษา อาทิ อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมนี จีน อารบิก เป็นต้น 7.4 ปัญหาการเบิกค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยในระบบประกันสังคม ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในประเทศของตนหากใช้บริการของโรงพยาบาลในต่างประเทศ จะไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ แนวทางแก้ไข รัฐบาลควรเจรจากับรัฐบาลในประเทศเป้าหมาย โดยขอความร่วมมือให้สิทธิกับผู้ที่ทำงานและอยู่ในต่างประเทศ (Expatriate) สามารถเปิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในประเทศไทยในส่วนที่เป็น Government Insurance รวมทั้งเอกชน 7.5 ขาดข้อมูลการประกันสุขภาพของแต่ละประเทศ รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพเฉพาะเป็นธุรกิจใหม่และข้อมูลมีน้อย 8. ตลาดที่มีอุปสรรคทางการค้า/แนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะภาคเอกชน - จีน เป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะกลุ่ม EXPAT ที่อยู่ในจีนต่างก็ต้องการมารักษาพยาบาลในไทย เพราะโรงพยาบาลเอกชนของไทยมีมาตรฐานและบริการที่ดี อุปสรรค - การเดินทางออกนอกประเทศจีนเข้มงวดและยุ่งยาก - การขนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ (Medevac) นั้น อัตราค่าธรรมเนียมลงจอดของเครื่องบินน้อยกว่า 7 ตัน ในอัตราสากลทั่วโลกจะอยู่ที่ 800-1,200 เหรียญสหรัฐต่อครั้ง (เครื่องบินแตะพื้น) แต่จีนเก็บสูงถึง 3,000-4,000 เหรียญสหรัฐต่อครั้ง แนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะ - ขอให้ฝ่ายจีนอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง สำหรับผู้ป่วยชาวจีนมารักษาพยาบาลในประเทศไทย รวมทั้งการออกวีซ่า on-arrival - ให้มีการเจรจาใน WTO และ PTA โดยใช้กติกาสากลในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการลงจอดของเครื่องบิน - บังคลาเทศ เป็นตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพมีผู้ผู้ป่วยมาใช้บริการถึงปีละ 23,800 คน อุปสรรค - ปัญหาล่าช้าในการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนัก (ไอซียู) ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 3-4 รายต่อคนไข้ 1 คน ใช้เวลาขอวีซ่ามากกว่า 3 วัน ในขณะที่ประเทศคู่แข่ง อาทิ สิงคโปร์และมาเลเซียใช้เวลาเพียงแค่ 3-4 ชั่วโมง แนวทางการแก้ไขและข้อเสนอแนะ -เพิ่มความรวดเร็วในการออกวีซ่าและอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างประเทศ ที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ของไทย--จบ-- -กภ/รก-

ข่าวโรงพยาบาลเอกชนไทย+โรงพยาบาลเอกชนวันนี้

พ.พญาไท พหลโยธิน ให้การต้อนรับกรมการแพทย์ เยี่ยมผู้บาดเจ็บจากตึกถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ตอกย้ำแนวคิด "Value Healthcare" สู่การดูแลที่ครอบคลุมทุกมิติ

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (สตง.) ถล่ม โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ได้ให้การรับผู้บาดเจ็บเบื้องต้นจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย 6 ราย และชาวเมียนมา 5 ราย โดยทั้งหมดได้รับการดูแลรักษาอย่างเร่งด่วนและเต็มกำลังตามมาตรฐานการแพทย์ในภาวะวิกฤต อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วย 1 รายเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ในโอกาสนี้ นายแพทย์

ร.พ.เจ้าพระยา เปิด ศูนย์แพทย์เฉพาะทางเที่ยงคืน จับไลฟ์สไตล์คนเมือง โชว์ศักยภาพเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทาง

โรงพยาบาลเอกชนไทยโตต่อ เร่งพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยีการรักษา และบริการหนีคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศ แนวโน้มเน้นเปิดศูนย์การรักษาเฉพาะทางมากขึ้น ล่าสุด โรงพยาบาลเจ้าพระยา ขยับเปิดศูนย์...

ภาพข่าว: พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในการผลิตแพทย์ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวร กับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

รศ. ดร. มณฑล สงวนเสริมศรี (กลางซ้าย) อธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร แลกเปลี่ยนข้อตกลงกับคุณชัย โสภณพนิช (กลางขวา) ประธานกรรมการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พร้อมผู้บริหารทั้งสองฝ่าย ในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ...

พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในการผลิตแพทย์ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวร กับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในการผลิตแพทย์ นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่คณะแพทยศาสตร์ ในสถาบันระดับอุดมศึกษาของรัฐ เชื่อมั่นในศักยภาพของ...

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ขอเชิญสื่อมวลชน ร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือในการผลิตแพทย์ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวร กับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กำหนดจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการผลิตแพทย์ ในวันที่ 10 สิงหาคม 2547 นับ...

การส่งเสริมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย ในงาน Thailand Health & Beauty Show 2003

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--กรมส่งเสริมการส่งออก 1. ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทย ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยมีผู้ประกอบการ 400 ราย โดยโรงพยาบาลเอกชนที่มีความพร้อมในการให้บริการชาวต่างประเทศมี 33 ราย ปัจจุบันประเทศไทย ...

ขอเรียนเชิญร่วมงาน การประชุมวิชาการประจำปีครั้งที่ 1 "THE FIRST BGH ANNUAL ACADEMIC MEETING""

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--เบรคธรู พีอาร์ ด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพได้กำหนดจัด การประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ 1 (THE FIRST BGH ANNUAL ACADEMIC MEETING)" ในระหว่างวันที่ 22 23 กุมภาพันธ์ 2544 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่...