กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด (อีพีแอล) ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เปิดเผยในวันนี้ว่า ทีพีไอได้ดำเนินการขยายกำลังการผลิตและความสามารถในการจัดซื้อวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยภายหลังจากที่ได้รับการต่ออายุวงเงินกู้สำหรับเงินทุนหมุนเวียนมูลค่า 79.67 ล้านเหรียญสหรัฐจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ของทีพีไอ ส่งผลให้ทีพีไอสามารถขยายการกลั่นน้ำมันดิบเฉลี่ยจากวันละ 67,000 บาร์เรลในปี 2544 เป็นวันละ 97,000 บาร์เรลในปี 2545 และ 98,000 บาร์เรลในปี 2546
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านปิโตรเคมีของอีพีแอล ร่วมกับวิศวกรของทีพีไอ และที่ปรึกษาอิสระได้มีความเห็นร่วมกันว่า การขยายกำลังการกลั่นน้ำมันดิบให้สูงกว่าระดับที่กลั่นอยู่ในปัจจุบันอาจจะมีผลให้ทีพีไอประสบภาวะขาดทุนได้ ซึ่งข้อสรุปดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากการคำนวณด้วยโปรแกรม PIMS : Process Industries Modeling System ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อน เพื่อช่วยเหลือในการคิดคำนวณและกำหนดปริมาณการผลิตหรือการกลั่นน้ำมันดิบที่เหมาะสมที่สุดทั้งนี้หลักการคำนวณดังกล่าว เป็นหลักการที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปในวงการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยอีพีแอลได้ริเริ่มให้นำโปรแกรม
ดังกล่าวมาปรับปรุงให้ทันสมัยและนำมาใช้สำหรับโรงกลั่นน้ำมันของทีพีไอทั้งหมด
การนำระบบ PIMS มาใช้ควบคุมดูแลการผลิตของโรงงานทีพีไอ โดยอาศัยข้อมูลหรือตัวแปรจำนวนมาก อาทิข้อมูลราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้ทีพีไอสามารถคำนวณหาและกำหนดระดับการกลั่นน้ำมันดิบที่มีความเหมาะสมที่สุด ทั้งยังช่วยกำหนดประเภทของวัตถุดิบที่ต้องการใช้ เพื่อให้กระบวนการผลิตของบริษัทเหมาะสมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายปีเตอร์ กอธทาร์ด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด กล่าวว่า "ตัวแปรที่จำเป็นทั้งหมดจะถูกป้อนเข้าสู่โปรแกรม PIMS เพื่อนำมาวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ โดยผลการวิเคราะห์ที่ได้รับจะนำไปใช้ในการวางแผนการผลิต ซึ่งมีรายละเอียดที่ครอบคลุมถึงข้อมูลการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับแต่ละหน่วยการผลิต และการกำหนดปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบที่ก่อให้เกิดกำไรสูงสุดในแต่ละเดือน เป็นต้น แผนการผลิตดังกล่าวจะมีวิศวกรที่มีประสบการณ์จากคณะทำงานวางแผนการผลิตกลาง (Central Planning Task Force) ทำการทบทวนและปรับปรุงอยู่เสมอ เพื่อสามารถกำหนดระดับการกลั่นน้ำมันดิบที่เหมาะสมที่สุดได้ ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า กระบวนการดังกล่าวมีความซับซ้อนอย่างมาก และไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จลงได้โดยใช้เพียงอารมณ์หรือสัญชาตญาณเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน"
แนวคิดดังกล่าว พร้อมด้วยแนวทางการเพิ่มผลกำไรด้วยการคัดเลือกน้ำมันดิบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างถูกต้องและมีการประสานงานที่เหมาะสมเป็นผลจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพของคณะทำงานวางแผนการผลิตกลางของทีพีไอที่อีพีแอลได้ริเริ่มจัดตั้งขึ้น
"เกือบร้อยละ 80 ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดของทีพีไอ เป็นค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการทำงานดังกล่าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการจัดซื้อและขนส่งวัตถุดิบ ดังนั้น เราจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนากระบวนการวางแผนการผลิตทั้งหมดของทีพีไอให้มีประสิทธิภาพสูงสุด" นายปีเตอร์กล่าวเสริม
ปัจจุบัน ทีพีไอได้จัดตั้งคณะกรรมการกำหนดราคา (Pricing Committee) ชุดใหม่ขึ้น เพื่อปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติการขายและการบริหารจัดการการขาย รวมทั้งได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบ (Crude and Feedstock Procurement Committee) เพื่อให้มีการดำเนินการจัดซื้อที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท
นอกจากนี้ อีพีแอลยังดำเนินการปรับปรุงและยกระดับแนวทางการทำงานของฝ่ายบัญชีและการเงินของทีพีไอ โดยกำหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเพื่อลดข้อยกเว้นและเงื่อนไขที่แสดงไว้ในรายงานผู้สอบบัญชี (Audit Qualifications) ที่ปรากฏในงบการเงินของทีพีไอและบริษัทในเครือ รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการพิจารณางบประมาณและต้นทุน (Budget and Cost Review Committee) เพื่อปรับปรุงให้ระบบการบริหาร จัดการและระบบการจัดทำและจัดสรรงบประมาณของบริษัทมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และช่วยควบคุมต้นทุน การดำเนินงานของทีพีไอ เพื่อให้บริษัทมีกำไรเบื้องต้นและกำไรสุทธิสูงขึ้น
"เรายังคงเดินหน้าเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของทีพีไอในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่า ทีพีไอสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังสนับสนุนให้ทีพีไอดูแลและรับผิดชอบการดำเนินงานของบริษัทที่ก่อให้เกิดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยเรามีมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทีพีไอเป็นองค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง" นายปีเตอร์กล่าวในท้ายที่สุด
เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส เป็นผู้บริหารแผนของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) และเป็นบริษัทในเครือของ เฟอร์เรียร์ ฮอดจ์สัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำด้านการปรับโครงสร้างทางการเงิน และการฟื้นฟูกิจการ โดยมีการดำเนินงานในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เฟอร์เรียร์ ฮอดจ์สัน ได้ก่อตั้งสำนักงานประจำประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2541 พร้อมทั้งได้พัฒนาสถานะของบริษัทฯ จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานจำนวน 50 คน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ การธนาคาร ปิโตรเคมี โทรคมนาคม โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง ทั้งนี้ เฟอร์เรียร์ ฮอดจ์สัน ได้มีส่วนร่วมในการปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ ทั้งในฐานะตัวแทนของ
เจ้าหนี้ (รวมทั้งเจ้าหนี้ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่) และผู้ถือหุ้น รวมมูลค่าหนี้มากกว่า 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด
เจมส์ / วราพร / สาธิดา
รัตติยา ติรพงศ์พร
โทร 0 2252-9871
โทร 0 2679 5400--จบ--
-ศน-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit