กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส เซอร์ไพรส์ตลาดอสังหาฯ รับปีใหม่เปลี่ยนชื่อเป็นพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ (พลัส) และขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้พัฒนาโครงการระดับกลางแถบใจกลางเมือง หลังรายได้รวมปี 45 ทะลุเป้าเกินคาด แสนสิริอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มทุนจาก 32 ล้าน เป็น 168.84 ล้าน เพื่อเสริมสภาพคล่อง เชื่อมั่นปี 46 สามารถสร้างรายได้ 500 ล้าน
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนทร์ จำกัด หรือ พลัส หนึ่ง ในบริษัทผู้นำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2545 บริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจากแสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส เป็น พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ พร้อมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 32 ล้านบาทเป็น 168.84 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีเม็ดเงินในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้ขยายธุรกิจไปสู่การเป็นบริษัทพัฒนาโครงการในระดับกลาง โดยยึดทำเลในเขตใจกลางเมืองเป็นหลัก ทั้งนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการแรกภายใต้ชื่อ "โครงการซิตี้ พลัส สุขุมวิท 50" ซึ่งเป็นทาว์นเฮ้าส์ขนาด 21-38 ต.ร.ว. ระดับราคา 3.8-5.7 ล้านบาท จำนวน 31 ยูนิต รวมพื้นที่โครงการทั้งสิ้น 1,116 ต.ร.ว. มูลค่าโครงการ 135 ล้านบาท ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทฯ ได้หาพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ในย่านเอกมัยซอย 10 ซึ่งเป็นโครงการทาว์นเฮ้าส์ขนาด 22-30 ต.ร.ว. ระดับภาค 7.7 ล้านบาท จำนวน 13 ยูนิต รวมพื้นที่โครงการทั้งสิ้น 483 ต.ร.ว. มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาท และคาดว่าว่าจะเปิดขายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2546 อย่างแน่นอน
จากการเปิดตัวโครงการซิตึ้ พลัส สุขุมวิท 50 ไปเมื่อปลายปี 2545 พบว่ามีผู้ให้ความสนใจจองโครงการเป็นจำนวนมาก และหากเป็นไปตามแผนที่คาดไว้ พลัสจะสามารถเปิดตัวโครงการใหม่ในซอยเอกมัย 10 ได้ภายในเดือนเมษายน 2546 อย่างแน่นอน และในปีนี้เราวางแผนที่จะพัฒนาโครงการอื่นๆ อีกประมาณ 2 โครงการ อาทิ คอนโดมิเนีนม ทาวน์เฮ้าส์ ฯลฯ โดยยังยึดทำเลในแถบใจกลางเมืองเป็นหลักแต่จะเจาะกลุ่มลูกค้าคนละส่วนกับแสนสิริ และอีกธุรกิจหนึ่งที่บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าให้แก่บริษัทฯ ได้เป็นอย่างดีคือบริการที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีลูกค้าทั้งด้านสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มเจ้าของที่ดินที่ต้องการให้บริษัทประเมินศักยภาพและวางแผนพัฒนาโครงการให้ติดต่อเข้ามาหลายราย เพราะถือเป็นธุรกิจบริการใหม่ที่ต้องอาศัยทรัพยากรทั้งด้านบุคลากรและระบบการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่เราสามารถทำได้เพราะเราใช้ฐานข้อมูลในการวิเคราะห์จากฝ่ายวิจัยแสนสิริ ประกอบกับระบบการจัดการที่ได้มาตรฐาน ISO 9002 จึงเป็นเครื่องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการได้อย่างดีเยี่ยม" ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ กล่าว
ทั้งนี้ พลัส จะยังคงสานต่อธุรกิจหลักๆ อาทิ ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในปี 2545 มีงานบริหารรวม 50 โครงการ พื้นที่รวมประมาณ 2,300,000 ต.ร.ว. สำหรับปี 2546 พลัส คาดว่าจะขยายการให้บริการ เพิ่มขึ้นเป็น 65 โครงการ หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินทรัพย์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2545 มีโครงการบริหารการขายอยู่ 6 โครงการ มีมูลค่ารวมประมาณ 2,500 ล้านบาท สำหรับปี 2546 จะมีโครงการที่พลัสบริการขายจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 11,500 ล้านบาท ได้แก่ นาราสิริ วงแหวน นาราสิริ พัฒนาการ นาราสิริ สนามบินน้ำ โครงการบ้านเดี่ยวย่านสุขุมวิท บ้านราชดำริ สิริสุขุมวิทซอย 13 สิริสาทรสวนพลู นอกจากนี้พลัสยังมีเป้าหมายที่จะเข้าไปบริหารการขายให้แก่สถาบันการเงินและภาคเอกชนอื่นๆ อีกจำนวน 3 โครงการ ในส่วนธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจด้านบริการที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านการบริหารจัดการทางด้านวิศวกรรม ธุรกิจด้านการบริหารโครงการและปรับปรุงโครงการ ธุรกิจด้านบริการด้านออกแบบและตกแต่งบ้าน ธุรกิจให้บริการบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศ พลัสคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 153.58% ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งปัจจุบัน พลัส ถือเป็นผู้นำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครอบวงจรที่สุดของไทย
"หากพิจารณาจากผลประกอบการของพลัสในปีที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าปี 44 ถึงร้อยละ 667.31% โดยมีผลประกอบการรวม 193.67 ล้านบาท ซึ่งหมายถึงการศักยภาพในการสร้างธุรกิจใหม่และเสริมธุรกิจที่มีได้อย่างดี เพราะนอกจากพลัสจะมีฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งแล้ว เรายังมีประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดโครงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 12 ปี โดยได้รับมาตรฐาน ISO 9002 ด้านการบริหารอาคารเป็นบริษัทแรกในประเทศไทย และมีทีมขายที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอสังหาริมทรัพย์ จากประสบการณ์การขายกว่า 15 ปี ประกอบกับความตั้งใจ และมุ่งมั่นที่จะเจริญเติบโต และก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งมีแนวคิดหลักในการทำงานที่ว่า ต้องการมอบคุณภาพและบริการที่ดีกว่าในราคาที่แข่งขันได้ และจุดแข็งอีกประการที่สามารถยืนยันความเป็นมืออาชีพของเราก็คือมีฐานข้อมูลลูกค้าที่มีมากกว่า 30,000 ชื่อรวมทั้งมีระบบเทคโนโลยีอันทันสมัยที่พร้อมรองรับการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดคือเครื่องยืนยันความพร้อมในการก้าวสู่การขยายธุรกิจออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง หากการดำเนินธุรกิจในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าปลายปี พลัส จะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 160%" นายยงยุทธกล่าวสรุป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ ยุลาวัลย์ เหลืองประเสริฐ
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-951-9119, 09-171-8525, 01-890-3568--จบ--
-สท-