กรุงเทพฯ--5 ก.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
สืบเนื่องจากการเผยแพร่เอกสารข่าว "แฉลูกเล่น "อีพีแอล" แก้ไขแผนทางแฟกซ์ เจอโรคเลื่อนซ้ำซากไป 20 กันยายนนี้" ของนายศิลปิน บูรณศิลปิน กระทำการแทนนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ซึ่งระบุว่ามีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2545 ที่ผ่านมานั้น บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด (อีพีแอล) ในฐานะผู้บริหารแผนของทีพีไอ ใคร่ขอแจ้งให้ทราบว่า
เอกสารข่าวดังกล่าวมีเนื้อหาที่ไม่ถูกต้องและบิดเบือนจากความเป็นจริงอย่างมาก อีกทั้งนายศิลปิน บูรณศิลปิน ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานทีพีไอไม่มีสิทธิแอบอ้างใช้หัวกระดาษทีพีไอหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับทีพีไอ เพื่อป้องกันมิให้สาธารณชน โดยเฉพาะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของทีพีไอได้ถูกชี้นำไปในทางที่ไม่ถูกต้อง อีพีแอลใคร่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้
1. "หลังจากที่บริษัท อีพีแอล ในฐานะผู้บริหาร ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ได้แจ้งให้เจ้าหนี้รายย่อย
ลงมติแก้ไขแผนฟื้นฟูทีพีไอทางโทรสารหรือแฟกซ์ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2545 ที่ผ่านมานั้น และอีพีแอลกำหนดให้ลงมติในวันที่ 30 สิงหาคม 2545 แต่ล่าสุดเจ้าหนี้รายย่อยได้รับแจ้งว่า ให้เลื่อนการลงมติการแก้ไขแผนฟื้นฟูใหม่ไปในวันที่ 20 กันยายน 2545 นี้"
อีพีแอล ขอชี้แจงถึงกระบวนการแก้ไขแผนของทีพีไอว่า บริษัท จอหน์สัน สโต๊คส์ แอนด์ มาสเตอร์ จำกัด ในนามของคณะกรรมการเจ้าหนี้ทีพีไอ ได้มอบหมายให้ธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นตัวแทนสินเชื่อซึ่งมีความเป็นอิสระเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งและรับโทรสารเรื่องการขอแก้ไขแผน ในการขอให้เจ้าหนี้ที่เข้าร่วมแผนปรับโครงสร้างทางการเงินของทีพีไอลงคะแนนการแก้ไขแผนโดยทางโทรสารนั้นเป็นไปตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ โดยหลังจากที่ธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ได้รับคะแนนเสียงทั้งหมดแล้ว จะรวบรวมนำส่งแก่คณะกรรมการเจ้าหนี้เพื่อสรุปผลต่อไป ซึ่งแผนกำหนดว่า กระบวนการดังที่กล่าวไปแล้วนี้สามารถทำได้โดยทางโทรสาร ไปรษณีย์ หรือการจัดประชุมเจ้าหนี้ ซึ่งทางอีพีแอลจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวไม่ได้ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่เจ้าหนี้ในคณะกรรมการเจ้าหนี้และนอกคณะกรรมการเจ้าหนี้กระทำกันเพื่อหามติเป็นการภายใน
สำหรับการขอเลื่อนการลงมติจากวันที่ 16 สิงหาคม 2545 เป็นวันที่ 30 สิงหาคม 2545 และล่าสุดได้เลื่อนเป็น วันที่ 20 กันยายน 2545 นั้น เนื่องจากเจ้าหนี้ของทีพีไอ ประกอบด้วยเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ จำนวน 150 แห่ง มูลหนี้ 120,000 ล้านบาท จะต้องทำเรื่องขออนุญาตจากคณะกรรมการของสถาบันการเงินของตนในการ ลงมติ และเนื้อหาในการแก้ไขแผนจะมีผลทางกฎหมายต่อไปในอนาคต เจ้าหนี้แต่ละรายจึงต้องใช้ความถี่ถ้วนในการพิจารณาทุกถ้อยคำของการแก้ไขแผน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ดังนั้น การเลื่อนระยะเวลาในการลงมติจะทำให้เจ้าหนี้สามารถลงมติอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการลงมติในครั้งนี้
2. "การกระทำของผู้บริหารแผนไม่โปร่งใสตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะการแจ้งให้เจ้าหนี้รายย่อยลงมติแก้ไขแผนทางแฟกซ์"
อีพีแอลขอชี้แจงว่า การลงมติแก้ไขแผนทางโทรสารซึ่งได้รับการระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอดังกล่าวนั้นเป็นไปตามที่กำหนดในแผน เจ้าหนี้ทุกรายรวมทั้งสมาชิกคณะกรรมการเจ้าหนี้ของทีพีไอได้รับการร้องขอให้ลงมติแก้ไขแผนทางโทรสาร มิได้เจาะจงเฉพาะเจ้าหนี้รายย่อยเท่านั้น
3. "กรณีเจ้าหนี้รายย่อยลงมติไม่เห็นด้วยแล้วแฟกซ์กลับไปยังสำนักงานของผู้บริหารแผน แต่อาจยกข้ออ้างว่า ไม่ได้รับแฟกซ์ ซึ่งจะทำให้มติคัดค้านการแก้ไขแผนนั้นตกไปทันที กรณีผู้บริหารแผนแจ้งเลื่อนระยะเวลาการลงมติการแก้ไขแผนออกไปเรื่อยๆ จะทำให้เจ้าหนี้รายย่อยรายใดรายหนึ่งเผลอไม่ลงมติแก้ไขแผนทางแฟกซ์ ซึ่งจะเสียสิทธิในการลงมติไปทันที"
อีพีแอลขอชี้แจงว่า การดำเนินการจัดส่งและรับโทรสารโดยธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ประเทศฮ่องกงนั้น ได้เคยมีการดำเนินการมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า เป็นไปด้วยความราบรื่น โดยไม่มีข้อทักท้วงจากเจ้าหนี้รายใด และอีพีแอลมิได้มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการลงมติดังกล่าว เนื่องจากเป็นสิทธิและอำนาจของคณะกรรมการเจ้าหนี้เท่านั้น
4. "เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ (จพท.) ในฐานะผู้ควบคุมและตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารแผนกำลังจับตาพฤติกรรมดังกล่าวของอีพีแอลอยู่"
อีพีแอลขอชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ได้รับการรายงานเกี่ยวกับการลงมติขอแก้ไขแผนของเจ้าหนี้ทุกขั้นตอนมาโดยตลอด ทั้งนี้ การฟื้นฟูกิจการของทีพีไอมีการรายงานโดยผู้บริหารแผนต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ในเรื่องต่างๆ มากกว่าการฟื้นฟูกิจการบริษัทอื่นๆ และไม่เป็นความจริงที่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์กำลังจับตาพฤติกรรมของอีพีแอลในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะเจาะจง
5. "ศาลล้มละลายกลางได้มีคำพิพากษาไม่เห็นด้วย ในคำร้องของผู้บริหารแผนเพื่อขอแก้ไขแผนใน 2 เรื่อง คือ
1. การขอยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดว่า การประชุมเจ้าหนี้ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงิน เมื่อลงมติให้มีการแก้ไขแผนหากมีการคัดค้านจากเจ้าหนี้รายใดรายหนึ่ง การแก้ไขแผนจะทำไม่ได้ และ
2.การขอขยายเวลาขาย สินทรัพย์รอง มูลค่ารวม 200 ล้านเหรียญสหรัฐ จากวันที่ 31 มีนาคม 2544 เป็น 31 มีนาคม 2546 แต่ขณะนี้อีพีแอลยังยังดันทุรังกดดันให้เจ้าหนี้รายย่อยลงมติสนับสนุนการแก้ไขแผนทางแฟกซ์ เพื่อที่จะยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกาให้พิจารณา ทั้งๆ ที่มีเจ้าหนี้รายย่อยจำนวนมากรวมตัวคัดค้านการกระทำดังกล่าวของอีพีแอล"
อีพีแอลขอชี้แจงว่า ศาลมิได้พิพากษาไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของการแก้ไขแผนทั้งสองข้อ แต่ศาลเห็นว่าการแก้ไขแผนจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในแผน คือ ต้องไม่มีเจ้าหนี้รายใดรายหนึ่งคัดค้านก่อนที่จะมายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจัดประชุมเจ้าหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งในขณะนี้ คณะกรรมการเจ้าหนี้กำลังดำเนินการขอมติตามที่กำหนดในแผนดังกล่าวอยู่ตามคำสั่งศาล การดำเนินการแก้ไขแผนในขณะนี้เป็นการร่วมมือของผู้บริหารแผนและคณะกรรมการเจ้าหนี้ เพื่อให้แผนสามารถดำเนินต่อไปได้โดยราบรื่น ซึ่งจะส่งผลให้การฟื้นฟูทีพีไอสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดีที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด
เจมส์ / วราพร /สาธิดา เจษฎ์ เจษฎ์ปิยะวงศ์
โทร 0 2252-9871 โทร 0 2679 5400--จบ--
-ศน-