กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เปิดตัว Visual Studio .NET ชุดเครื่องมือใหม่และ Microsoft.NET Framework โมเดลสำหรับสร้างโปรแกรมที่จะปฏิวัติการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถสร้างบริการหรือเว็บเซอร์วิสบนอินเทอร์เน็ตหรือแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว โดยใช้ความรู้และความชำนาญทักษะด้านคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิม
นายพีระพงษ์ เอื้อสุนทรวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปัจจุบันกระแสการเติบโตของเว็บเซอร์วิสทั่วโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะองค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของอินเทอร์เน็ตในการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตน การเปิดตัว Visual Studio .NET และ Microsoft.NET Framework จึงเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำและแสดงถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของไมโครซอฟท์ในการสนับสนุนให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ รวมถึงการสร้างเว็บเซอร์วิสบนอินเทอร์เน็ต ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นว่าการเปิดตัว VisualStudio.NET ในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดซอฟต์แวร์โดยรวมของไทยโตขึ้นประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์
"จากความสำเร็จของ Visual Studio .NET และ Microsoft.NET Framework ซึ่งได้มีการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่า ทั้ง Visual Studio .NET และ Microsoft.NET Framework จะสร้างประโยชน์และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของไทยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะ Visual Studio .NET คือกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความสำเร็จของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยที่จะก่อให้เกิดการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ๆ รวมถึง XML เว็บเซอร์วิส ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ในอนาคต" นายพีระพงษ์กล่าว
Visual Studio .NET เป็นเครื่องมือที่ใช้งานและเรียนรู้ได้ง่าย โดยที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งมืออาชีพและ มือสมัครเล่น เช่น นักเรียน นักศึกษา ก็สามารถใช้งานได้ทันทีโดยใช้ความรู้เดิมที่ตนมีอยู่ และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ครบวงจรที่สุด Visual Studio .NET รองรับภาษาคอมพิวเตอร์หลากหลายกว่า 20 ภาษา รวมถึง COBOL, RPG, Java หรือ Delphi
Microsoft.NET Framework เป็น programming model บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ที่ใช้ในการสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ และ XML เว็บเซอร์วิส นอกจาก .NET Framework จะรองรับภาษาคอมพิวเตอร์ได้หลายภาษาแล้ว ยังเป็นมาตรฐานกลางที่จะทำให้แอพพลิเคชั่นและบริการใหม่ๆ บนแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
สำหรับ Visual Studio .NET ที่จะเปิดตัวที่เมืองไทยประกอบด้วย
- Visual Studio .NET Enterprise Architect - $2,719 หรือประมาณ หนึ่งแสนสองหมื่นบาท เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่เป็นหัวหน้าทีมผู้ออกแบบรากฐานของซอฟต์แวร์ทั้งหมดแล้วจำเป็นต้องกระจายงานออก
- Visual Studio .NET Enterprise Developer เหมาะสำหรับนักพัฒนาในระดับองค์กรที่ทำงานเป็นทีม - $1,959 หรือประมาณแปดหมื่นบาท
- Visual Studio .NET Professional เหมาะสำหรับนักพัฒนาทั่วไป - $1,179 หรือประมาณแปดหมื่นเจ็ดพันบาท
- Standard Edition of Visual Basic .NET, Visual C++ .NET, and Visual C# .NET สำหรับผู้นักพัฒนามือสมัครเล่น- $119 หรือประมาณห้าพันสามร้อยบาท
- MSDNAA (Academic Alliance) สำหรับภาคการศึกษา - ในราคาเพียง US$ 799 หรือประมาณสามหมื่นห้าพันบาท โดยเป็นการเซ็นสัญญาซื้อซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในห้องปฏิบัติการและอนุญาตให้นักศึกษามีสิทธินำ Visual Studio .NET กลับไปทำงานที่บ้านต่อได้ทั้งนี้ยังมีสิทธิได้รับการอัพเดททางเทคโนโลยีของ Visual Studio .NET อีกด้วย
นอกจากนี้สำหรับลูกค้า SQL Server 2000 ยังสามารถพัฒนาไปสู่เว็บเซอร์วิสได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการดาวน์โหลดชุดเครื่องมือ SQL Server 2000 Web Services Toolkits จากเว็บไซต์ www.microsoft.com/sql/default.asp ได้ฟรี โดยเครื่องมือดังกล่าวประกอบด้วย โค้ด และสมุดปกขาว (whitepaper) ที่จะช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นและ XML เว็บเซอร์วิสได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเขียนโค้ดใหม่
Visual Studio .NET นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนด้านไอที เพราะแพลตฟอร์ม ด็อทเน็ตจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นฐานในการรองรับแอพพลิเคชั่นหลากหลาย และสามารถสร้างเว็บเซอร์วิส นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และบุคลากร ไม่ต้องลงทุนใหม่บ่อยๆ โดยสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ให้ทำงานร่วมกับระบบเดิมที่มีอยู่ได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ใช้อุปกรณ์อื่นๆ เช่น คอมพิวเตอร์มือถือ ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น
ด้วยประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ จึงทำให้ Visual Studio .NET และ Microsoft.NET Framework ได้รับการ ตอบรับเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ได้แจกจ่ายเบต้าเวอร์ชั่นของ Visual Studio .NET ไปแล้ว กว่า 3.5 ล้านชุด นักพัฒนากว่า 250,000 รายทั่วโลกก็ได้รับการอบรมเกี่ยวกับเครื่องมือใหม่นี้ ยิ่งไปกว่านั้นนักพัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 800,000 รายได้นำซอต์แวร์ดังกล่าวไปใช้พัฒนาเว็บไซต์และเว็บเซอร์วิสได้เป็น ผลสำเร็จแล้ว
สำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย ไมโครซอฟท์จะมุ่งเน้นการให้ความรู้และการสนับสนุนแก่กลุ่มพันธมิตรและคู่ค้ากว่า 50 รายในประเทศ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และสถาบันการศึกษาเป็นหลัก โดยได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับ Visual Studio .NET ไปแล้วหลายครั้งและมีผู้ที่สนใจเข้าฟังรวมหลายพันคน
สำหรับสถาบันการศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักอันหนึ่งนั้นไมโครซอฟท์จะให้การสนับสนุนแก่นักเรียน นักศึกษาในการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวไปทดลองใช้ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ และเว็บเซอร์วิสอย่าง ต่อเนื่อง โดยในปี 2544 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้จัดโครงการประกวดโครงงานพัฒนาเว็บเซอร์วิสขึ้น และนำโครงงานที่ชนะเลิศในระดับประเทศเข้าร่วมประกวดในระดับภูมิภาค โดยที่เยาวชนไทยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดดังกล่าว และในปีนี้ไมโครซอฟท์จะจัดการประกวดอีกครั้งโดยจะเริ่มการแข่งขันในภาคที่หนึ่งของปีการศึกษานี้ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้เตรียม MSDNAA (Academic Alliance) ในราคาเพียง 799 เหรียญสหรัฐ (34,500 บาท) ต่อปีให้กับภาคการศึกษาซึ่ง Visual Studio .NET จะประกอบอยู่ใน MSDNAA ด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้ชุดเครื่องมือนี้อย่างแพร่หลายต่อไป
"ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า Visual Studio .NET และ .NET Framework จะจุดประกายการปฏิวัติทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมไอที และเป็นคลื่นลูกใหม่ในการที่จะพัฒนาเข้าสู่ยุค XML เว็บเซอร์วิส ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านไอทีในอนาคต อีกทั้งยังจะเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด" นายพีระพงษ์กล่าว
ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ก่อตั้งขึ้นในปี 2518 ปัจจุบันเป็นผู้นำด้านซอฟต์แวร์ บริการ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและองค์กร โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายที่จะทำให้ผู้ใช้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากซอฟต์แวร์ชั้นนำโดยไร้ขีดจำกัดทั้งในด้านเวลา สถานที่ หรือประเภทของอุปกรณ์ใช้งาน
แถลงข่าวในนาม : บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม : ศิริภัทร ภัทรางกูร
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2266-3300 ต่อ 569
อี-เมล์ :
[email protected]
: พรรณิภา ปรปักษ์ขาม / รมมุก เพียจันทร์
บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด
โทร. 0-2632-8300-7
E-mail :
[email protected]
[email protected] จบ--
-อน-