กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--กฟผ.
ปัจจุบันภาคใต้ มีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว คือโรงไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด ที่มีกำลังผลิต ๘๒๔ เมกะวัตต์ โดยในช่วงที่มีความต้องการ ใช้ไฟฟ้าสูงสุด จะต้องอาศัยการเดินเครื่อง ผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ของ กฟผ. คือ ที่เขื่อนรัชชประภา เขื่อนบางลาง และโรงไฟฟ้าบ้านสันติ รวมทั้งต้องส่งกระแสไฟฟ้าจากภาคกลาง เข้าไปสนับสนุน โดยผ่านทางระบบสายส่ง ไฟฟ้าแรงสูงที่เชื่อมโยงระหว่าง ภาคกลางกับภาคใต้ ซึ่งหากเกิดกรณีที่โรงไฟฟ้าหลัก หรือระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เกิดขัดข้อง ก็จะส่งผลให้ระบบไฟฟ้าของภาคใต้ขาดความมั่นคง ดังนั้นการที่มีโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี เสริมในระบบไฟฟ้า จึงช่วยทำให้ระบบไฟฟ้าของภาคใต้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการสอดคล้องกับ แผนการพัฒนาระบบไฟฟ้าของภาคใต้ ที่ กฟผ. จัดเตรียมเพื่อรองรับความต้องการ ใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กฟผ. ยังมีโครงการพัฒนาแหล่งผลิต และระบบส่งไฟฟ้าในภาคใต้อีกหลายโครงการ เช่นโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ๒๓๐ กิโลโวลต์ พังงาจุดเชื่อมภูเก็ต ซึ่งแล้วเสร็จ ๑ วงจร โครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ ขนาดกำลังผลิต ๓๐๐ เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จในปลายปี ๒๕๔๕ และโครงการระบบส่งไฟฟ้า เชื่อมโยงไทย-มาเลเซีย ระยะที่ ๒ ด้วยระบบ ๓๐๐ กิโลโวลต์ แบบกระแสตรง ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ เป็นต้น โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี แห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังผลิต ๒๐๐ เมกะวัตต์ ประกอบด้วย เครื่องกำเนิดไฟฟ้ากังหันก๊าซ จำนวน ๒ เครื่อง ขนาดกำลังผลิตเครื่องละ ๑๐๐ เมกะวัตต์ โดยได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง และติดตั้ง ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๔๒ เป็นต้นมา เป็นโรงไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบ ให้ใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดีเซล ซึ่งในระยะแรกจะเดินเครื่อง โดยใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ในอนาคต กฟผ. มีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี โดยการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้า พลังความร้อนร่วม ซึ่งสามารถเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าได้อีก ๑๐๐ เมกะวัตต์ โดยใช้พลังความร้อนจาก โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ ซึ่งไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่ม คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ ประมาณปี ๒๕๔๗--จบ--
-สส-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit