เอไซฯ บุกตลาดสินค้าดูแลสุขภาพ แนะนำโลชั่นกันยุง "แทค โลชั่น"

27 Apr 2000

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--คอร์ปอเรท พับลิค รีเลชั่น คอนซัลแตนท์

เอไซฯ โหมรุกหนักช่องทางใหม่ร้านขายยา เข้าจับมือพันธมิตรใหม่ "ซาโต้ ฟาร์มาซูติคัล" และดีทแฮล์ม แนะนำ "แทค โลชั่น" เจาะตลาดโลชั่นกันยุงมูลค่า 70 ล้านบาท เผยเป็นทางเลือกใหม่ของธุรกิจ

นายทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ บริษัท ซาโต้ ฟาร์มาซูติคัล จำกัด (SATO PHARMACEUTICAL) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น วางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่โลชั่นทากันยุง ภายใต้ชื่อว่า "แทค โลชั่น" (TACT LOTION) โดยจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยาเป็นหลัก เช่น ร้านขายยาทั่วไป, เชนดรักสโตร์, ซูเปอร์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และมอบหมาย บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย

ผลิตภัณฑ์ "แทค โลชั่น" เป็นสินค้าตัวแรกที่ไม่ใช่สินค้าในเครือของบริษัทฯที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย มี 2 ชนิด คือ ชนิดโลชั่นใช้ทา และ ชนิดสเปรย์สำหรับพ่นบนผิวหนัง จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้คือให้ความปลอดภัยสูง มีกลิ่นหอมเย็น ไม่เหนียวเหนอะหนะร่างกายขณะใช้ และใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งวัยเด็กและผู้ใหญ่

ทั้งนี้ จากการติดตามและสำรวจตลาดยาทากันยุงและแมลงในประเทศ บริษัทฯเล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาดในประเทศ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเขตร้อนในบ้านเราเหมาะกับการแพร่พันธุ์ของยุงซึ่งเป็นพาหะนำโรคร้ายที่ก่อความรำคาญแก่คนมากที่สุด สินค้าที่มีในท้องตลาดขณะนี้เป็นสินค้าในตลาดระดับล่างประมาณ 80% ดังนั้นการแนะนำ "แทค โลชั่น" เข้าเจาะกลุ่มตลาดบนซึ่งมีส่วนแบ่งที่เหลืออีก 20% จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ "แทค" ทั้งชนิดโลชั่นและสเปรย์ใช้ได้ผลดี ปลอดภัย รูปแบบของขวดสวยงาม ทันสมัย สะดวกในการใช้ และมีกลิ่นหอมเย็น ไม่รบกวนผู้อื่น

สำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ ใช้ช่องทางสื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ นิตยสาร และ หนังสือพิมพ์เป็นหลัก

นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯหันมาเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพในช่องทางร้านขายยา เพราะตลาดยังมีโอกาสสูงและเป็นแนวทางช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากสภาวะแนวโน้มของเศรษฐกิจและกฎระเบียบควบคุมของยาที่จำหน่ายผ่านช่องทางโรงพยาบาลยังไม่มีความแน่นอน

ที่ผ่านมาในระยะเศรษฐกิจตกต่ำและเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบยาในโรงพยาบาล ทำให้รู้ว่าการมีช่องทางธุรกิจหลักเพียงด้านเดียวอาจทำให้บริษัทฯประสบปัญหา ซึ่งถ้าบริษัทฯไม่วางระบบบริหารงานไอทีใหม่และขยายช่องทางธุรกิจใหม่ก็อาจแก้ไขไม่ทันการณ์

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า เป้าหมายในระยะ 5 ปี ภายในปี 2004 นับจากนี้บริษัทฯวางสัดส่วนการขายผ่านช่องทางต่าง ๆ คือ โรงพยาบาล 60% ร้านขายยา 20% และส่งออกอีก 20% โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงพยาบาล 150 ล้านบาท (75%) ร้านขายยา 30 ล้านบาท (15%) และส่งออก 20 ล้านบาท (10%)

สำหรับปีที่ผ่านมาบริษัทฯทำยอดขายได้ทั้งสิ้น 173 ล้านบาท โตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 150 ล้านบาท เนื่องจากการแก้ปัญหาของระบบบริหารไอทีและการเติบโตของการส่งออกไปยังตลาดอินโดจีน คือ เวียดนามโตขึ้นประมาณ 48% และพม่าโตขึ้นเกือบเท่าตัว

ขอข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัท คอร์ปอเรท พับลิค รีเลชั่น คอนซัลแตนท์ จำกัด (ซีพีอาร์)

พรลดา, บุษบา, วิบูลย์ โทร. 2828773-4, 280-0402 โทรสาร. 6287231-2--จบ--

-สส-