ความสำเร็จของกองทุนอนุรักษ์ฯ พลังงาน เพื่ออนาคตของประเทศ

กรุงเทพ--22 พ.ย.--กพช. ในช่วงที่ผ่านมาที่ราคาน้ำมันมีการขยับสูงขึ้นตลอดเวลา ท่านผู้อ่านอาจจะได้ยินคำว่า กพช. (คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ) บ่อยครั้งขึ้น และคงสงสัยว่า กพช. นี้คืออะไร มีบทบาทหน้าที่และความสำคัญอย่างไร ซึ่งอันที่จริงแล้ว กพช. มีบทบาทอย่างมากในการกำหนดนโยบายการใช้พลังงานของประเทศ รวมทั้งการกำหนดหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ มาทดแทน ไม่ใช่เพิ่งจะมามีบทบาทในตอนนี้ เพียงแต่ว่าระยะนี้เป็นจังหวะที่น้ำมันมีราคาแพงเท่านั้นเองจึงได้ยินชื่อของ กพช. อยู่บ่อย ๆ ในข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อเต็มของ กพช. ก็คือ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มี นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นประธานฯ และมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นเลขาธิการฯ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) จริง ๆ แล้วบทบาทของ กพช. ค่อนข้างจะเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของเราอยู่เหมือนกันเพราะว่า เราจะใช้น้ำมัน ไฟฟ้า ราคาเท่าใด หรือว่าพลังงานเหล่านี้จะขาดแคลนหรือมากเกินความจำเป็น การกำหนดนโยบายต่าง ๆ ที่จะมีผลกระทบหรือเกี่ยวข้องกับเราก็ขึ้นอยู่กับ กพช. โดยตรงคณะกรรมการฯ ชุดนี้ นอกจากจะกำหนดแนวทางพลังงานของประเทศซึ่งเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งแล้ว ยังรับผิดชอบการดำเนินงานของ "กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน" อีกด้วย ซึ่งเงินจากกองทุนฯ นี้แหละที่จะนำมาใช้ในการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ กองทุนฯ คือตัวจักรสำคัญยิ่งของ กพช. ที่จะจัดสรรเงินงบประมาณมาใช้ดำเนินการแต่ละแผนงานการดำเนินงานของกองทุนฯ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เลขาธิการฯ สพช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้เงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้มีการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวว่า การดำเนินงานในช่วงปีงบประมาณ 2538-2542 ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เพราะการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พลังงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกองทุนฯ มีความคืบหน้าไปมากสำหรับแผนงานของกองทุนฯ แบ่งเป็น 3 แผนงานคือ แผนงานภาคบังคับ แผนงานภาคความร่วมมือ และแผนงานสนับสนุน โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ ความสามารถในการประหยัดพลังงานโดยรวมของประเทศ และการแสวงหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมาทดแทน แต่ละแผนคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหนแล้วนั้น มาเริ่มกันที่แผนแรกคือ 1.แผนงานภาคบังคับ ซึ่งแผนงานนี้ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยเน้นหนักในการปรับปรุงอาคารและโรงงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ในส่วนของภาครัฐนั้นก็คือ การปรับปรุงอาคารสถานที่ราชการที่มีขนาดใหญ่ทั่วประเทศและมีการใช้พลังงานมาก เพื่อให้มีการใช้พลังงานลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงทางด้านอาคาร ด้านอุปกรณ์ใช้งาน ตลอดจนการอบรมให้ความรู้กับบุคลากรของหน่วยงานนั้น ๆ เรียกได้ว่า ทำงานแบบครบวงจรเลยทีเดียว ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรับปรุงไปแล้ว 573 แห่ง เป็นเงินรวม 1,588 ล้านบาท นอกจากนั้นยังรวมไปถึงโครงการโรงงานและอาคารควบคุมที่กำลังใช้งาน ได้ตรวจสอบไปแล้ว 1,371 แห่ง จัดทำเป้าหมายและแผนไปแล้ว 77 แห่ง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งาน ส่วนโครงการโรงงานและอาคารที่อยู่ระหว่างการออกแบบหรือก่อสร้าง ได้ลงทุนตามแบบที่ปรับปรุงไปแล้ว 1 แห่ง และโครงการโรงงานและอาคารทั่วไปอีกจำนวนมาก ยังอยู่ระหว่างรอความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนแผนงานภาคความร่วมมือนั้น ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าร่วมมือ ดังนั้นกองทุนฯ จะมีบทบาทสนับสนุนและร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและองค์กรเอกชนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย เพราะกองทุนฯ ให้การสนับสนุนเต็มที่กับโครงการที่มีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์พลังงานอยู่แล้ว แผนงานฯ นี้แยกเป็น 3 โครงการใหญ่ ๆ คือ 1.โครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมการผลิตในชนบท โดยให้การสนับสนุนไปแล้ว 11 โครงการ รวมเป็นเงิน 598 ล้านบาท สามารถลดการใช้พลังงานคิดเป็นเงินได้ 2,114 ล้านบาท โครงการนี้มีพื้นที่ดำเนินงานอยู่ในชนบทเป็นหลัก ทำการส่งเสริมใน 2 ลักษณะ คือ การนำของเหลือทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมมาใช้เป็นพลังงานในรูปต่าง ๆ และการนำพลังงานธรรมชาติมาแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า เช่น การส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพจากมูลสัตว์ในฟาร์มขนาดใหญ่ การผลิตกระแสไฟฟ้าจากหลุมขยะ เป็นต้น ท่านผู้อ่านคงนึกไม่ถึงใช่ไหมว่า มูลสัตว์หรือหลุมขยะก็ยังเป็นประโยชน์ถ้าเรารู้จักนำมาใช้โครงการที่ 2 เป็นโครงการส่งเสริมธุรกิจด้านการอนุรักษ์พลังงาน ที่ผ่านมาได้ใช้เงินจากกองทุนฯ สนับสนุนไปแล้ว 23 โครงการ รวมเป็นเงิน 482 ล้านบาท สามารถลดการใช้พลังงานคิดเป็นเงิน 583 ล้านบาท เช่น การสาธิตการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์เช่น ระบบผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าบนหลังคาบ้าน ระบบสูบน้ำในหมู่บ้าน โครงการเหล่านี้ช่วยลดการใช้พลังงานคิดเป็นเงินประมาณ 583 ล้านบาทอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการศึกษา วิจัย และพัฒนา ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นหนักไปที่การสนับสนุนงานวิจัยของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เสนอเข้ามาเพื่อส่งเสริมให้โครงการวิจัยต่าง ๆ นั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเช่น ศึกษาและพัฒนาอุปกรณ์อัดแท่งเชื้อเพลิงเขียว ศึกษาและพัฒนาอุปกรณ์ใช้ก๊าซชีวภาพ เป็นต้น ส่วนนี้แหละที่ทำให้เราได้ค้นพบและรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ ๆเงินของกองทุนฯ ไม่ใช่เข้าไปสนับสนุนแต่เรื่องเทคโนโลยีหรือเรื่องการบังคับบรรดาอาคารต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังมี แผนงานสนับสนุน ที่คอยให้การสนับสนุนในการสร้างบุคลากรทางด้านพลังงานของประเทศ เรียกได้ว่าอยู่เบื้องหลังก็ไม่ผิด โดยมีเนื้องานหลัก ๆ 3 อย่างคือ โครงการพัฒนาบุคลากร โครงการประชาสัมพันธ์ โครงการบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535หากจะแยกออกมาแต่ละโครงการแล้ว การพัฒนาบุคลากรได้ให้ทุนระดับปริญญาโท 200 ทุน และปริญญาเอก 50 ทุน นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเรียนการสอนเรื่องการอนุรักษ์พลังงานในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาตรีอีก 500 ทุนต่อปี และปริญญาโท 200 ทุนต่อปี ซึ่งผู้ที่ได้รับทุนนั้นก็จะส่งผลดีสะท้อนกลับมายังประเทศในการพัฒนาการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนโครงการประชาสัมพันธ์ คิดว่าเป็นส่วนที่เราคงได้ยินคุ้นหูและสัมผัสมากที่สุดคือ โครงการ "รวมพลังหาร 2" ที่ สพช. รณรงค์ให้เราประหยัดพลังงานและตอกย้ำทางสื่อมวลชนตลอดเวลา แต่ไม่ใช่รณรงค์ประหยัดพลังงานอย่างเดียว ยังได้เสนอวิธีการประหยัดพลังงานแนวทางใหม่ ๆ ให้ด้วย เช่น คาร์พูล การใช้รถยนต์ร่วมกันในทางเดียวกัน อีกโครงการหนึ่งดูออกจะห่างไกลตัวเราสักเล็กน้อยแต่ก็สำคัญไม่แพ้กันคือ โครงการบริหารงานตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานเมื่อได้รับรู้โครงการต่าง ๆ ของกองทุนฯ แล้วว่า ดำเนินโครงการและกิจกรรมมากมายเช่นนี้ หลายคนอยากรู้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้รับกลับมาจากการดำเนินงานตามแผนฯ เป็นอย่างไรบ้างผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากมายในแง่ของการประหยัดการใช้พลังงานและประหยัดเงินสรุปผลงานโดยรวมของกองทุนฯ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า ผลงานทั้งหมดของกองทุนฯ สามารถทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 139 ล้านหน่วย/ปี คิดเป็นเงิน 305 ล้านบาท หากคิดรวมตลอดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และเทคโนโลยี 25 ปีแล้ว จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เป็นเงิน 3,400 ล้านบาท ในด้านของพลังงานเชื้อเพลิง สามารถทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงได้ 26 ล้านลิตรน้ำมันดิบ/ปี คิดเป็นเงิน 220 ล้านบาท/ปี แต่ถ้าคิดรวมตลอดโครงการแล้วจะประหยัดได้ถึง 2,231 ล้านบาท รวมความสามารถในการอนุรักษ์พลังงาน คิดเป็นเงินรวม 5,631 ล้านบาท นับว่าแผนงานของกองทุนฯ เป็นการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานของประเทศได้อย่างดี และที่สำคัญยังจะช่วยประหยัดเงินตราของประเทศในด้านการใช้จ่ายพลังงานได้ด้วย แม้ว่าแต่ละแผนงานฯ จะใช้เวลาดำเนินการระยะยาวก็ตาม แต่ผลที่ได้รับนั้นคุ้มค่ามากซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง--จบ--

ข่าวกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ+คณะกรรมการนโยบายวันนี้

บอร์ด ปตท. เคาะแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง ยึดมั่นธรรมาภิบาลต่อทุกภาคส่วน

เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเทียบเท่า 6,000 ล้านบาท มุ่งช่วยเหลือประชาชน มั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน (ตั้งแต่มกราคม เมษายน 2566) และขอความร่วมมือ ปตท

กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลั... สนพ. จัดกิจกรรมสัมมนา “สร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผนPDP 2018” จังหวัดพระนครศรีอยุธยา — กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมสัม...

กิจกรรมสัมมนา “การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผน PDP 2018 " ภาคตะวันออก

กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมสัมมนา "การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ต่อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 (Power Development Plan : PDP 2018) ภาคตะวันออก" ซึ่งแผนดังกล่าวได้ผ่านความ...

หลังผลประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน... นักลงทุนข้ามชาติ ห่วงรัฐไม่เร่งต่อสัญญา SPPกระทบอุตสาหกรรม ฉุด EEC สะดุด — หลังผลประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันที่ 9 สิงหาคม 2561 ระบุว่า ...

รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม 2561

วันนี้ (8 มีนาคม 2561) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2561 (ครั้งที่ 14) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ...

กพช. รับทราบแนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สัมปทานจะสิ้นอายุ

วันนี้ (8 มีนาคม 2561) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2561 (ครั้งที่ 14) ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีวาระรับทราบในหลักการการบริหารจัดการ...

กกพ. ย้ำหลักการตามนโยบายการกำหนดโครงสร้างค่าฟ้าฟ้าใหม่ ปี 61

"กกพ."ย้ำชัด "ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่" รอบล่าสุด ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา เพื่อดูผลกระทบให้รอบด้านอย่างสมดุล พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนก่อนประกาศใช้ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า...