เอมิเรตส์ทุ่มทุนเนรมิตสวรรค์บนทะเลทราย พร้อมให้บริการกลางเดือนมีนาคมนี้

กรุงเทพ--29 ม.ค.--สายการบินเอมิเรตส์ สายการบินเอมิเรตส์ สายการบินนานาชาติชั้นนำจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ย้ำภาพผู้นำในบริการด้านการเดินทางและท่องเที่ยวครบวงจรของภูมิภาคตะวันออกกลางในศตวรรษที่ 21 ล่าสุดเตรียมเปิดบริการ "อัล มาฮา รีสอร์ท" (Al Maha Resort) แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์กลางทะเลทรายแห่งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นโครงการรีสอร์ทมูลค่ากว่า 12 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างเป็นทางการกลางเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มัคตูม ประธานสายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผยถึง แนวคิดในการพัฒนาโครงการรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม "อัล มาฮา รีสอร์ท" ซึ่งทางสายการบินเอมิเรตส์เป็นเจ้าของและผู้บริหารว่า " เรามีจุดมุ่งหมายหลักให้อัล มาฮา รีสอร์ท เป็นตัวอย่างของโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ที่ให้บริการแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนแก่นักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ที่ต้องการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างใกล้ชิด โดยไม่ทำลายความสมดุลย์ทางนิเวศวิทยา และยังสามารถเอื้อประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นได้ด้วย โดยมีกำหนดเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มีนาคม 2542 นี้ " โครงการ อัล มาฮา รีสอร์ท ใช้งบลงทุนในการพัฒนาโครงการ 12 ล้าน 5 แสนเหรียญสหรัฐ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางถึง 16 ตารางกิโลเมตร ในเขตเมืองดูไบ ซึ่งเป็นทะเลทราย ประกอบด้วยห้องสวีทจำนวนทั้งหมด 29 ห้อง แต่ละห้องมีขนาด 75 ตารางเมตร ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา และเน้นความสะดวกสบาย ทุกห้องสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลทรายที่สวยงามในมุมกว้าง รวมทั้งบริการสระว่ายน้ำ เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่างครบครัน อัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 900 เหรียญสหรัฐต่อคืน ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับ รีสอร์ทระดับเดียวกันในอัฟริกาใต้หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยราคาดังกล่าวรวมค่าที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เช่น การขี่อูฐท่องทะเลทราย ยิงธนู และขี่ม้าชมธรรมชาติ รวมทั้งบริการรับส่งระหว่างสนามบินกับรีสอร์ท นอกจากนี้ อัล มาฮา รีสอร์ท ยังมีมาตรการด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยเนื้อที่ส่วนใหญ่ได้จัดให้เป็นเขตอนุรักษ์และเพาะพันธุ์สัตว์พื้นเมืองที่หายาก ปลูกต้นไม้นานาชนิด มีระบบการนำน้ำมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์ใหม่ มีมาตรการการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เพื่อให้แน่ใจว่ารีสอร์ทแห่งนี้สามารถเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง มร. แฮนส์ เฮนเซล หัวหน้าฝ่ายบริหารแหล่งท่องเที่ยวและการพักผ่อนของสายการบิน เอมิเรตส์ เปิดเผยว่า แนวคิดด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของ อัล มาฮา รีสอร์ท ได้รับการตอบรับและสนับสนุนเป็นอย่างดี จากทั้งกลุ่มตัวแทนท่องเที่ยวรายใหญ่ไปจนถึงนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่พิถีพิถันในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในอ่าวเปอร์เซียและตะวันออกกลาง รวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมันนี และสหราชอาณาจักร นับแต่เริ่มทำการประชาสัมพันธ์เมื่อปีที่ผ่านมา ขณะนี้ได้มีตัวแทนท่องเที่ยวในยุโรปหลายรายบรรจุชื่อ อัล มาฮา รีสอร์ท ไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยวดูไบเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในช่วงการดำเนินงานปีแรก รีสอร์ทแห่งนี้จะมีอัตราการเข้าพักสูงถึงประมาณร้อยละ 80 ปัจจุบัน สายการบินเอมิเรตส์มีเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทาง 45 แห่งใน 37 ประเทศ ทั้งในตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชียแปซิฟิก อัฟริกา ประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกและซีไอเอส นอกจากการให้บริการชั้นเยี่ยมในระหว่างเที่ยวบินต่าง ๆ แล้ว ยังมีบริการอำนวยความสะดวกภาคพื้นดิน อาทิ การยื่นขอและออกวีซ่าเข้าเมืองดูไบ บริการเช่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ฟรีในสหราชอาณาจักร บริการรถลีมูซีนรับส่งระหว่างที่พักกับสนามบิน รวมทั้งบริการนำเที่ยวโดย Emirates Holidays ผู้สนใจบริการต่าง ๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากโฮมเพจของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับบริการอย่างครบถ้วน ได้ที่ http:// www.emirates-holidays.com-- จบ--

• ข่าวท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
• ข่าวสายการบินเอมิเรตส์
• ข่าวอาเหม็ด บิน
• ข่าวการเดินทาง
• ข่าวท่องเที่ยว