กรุงเทพ--22 พ.ค.--ปรส.
นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) เปิดเผยถึงผลการจำหน่ายสินทรัพย์รองของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการว่า จากการที่ปรส.ได้เริ่มจำหน่ายสินทรัพย์รองตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนปัจจุบันได้ทยอยประมูลสินทรัพย์รองแต่ละประเภทเป็นระยะโดยเริ่มจากการประมูลรถเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้สำนักงาน เงินลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หลักทรัพย์รัฐบาล และหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจากความคืบหน้าในระยะ 3 เดือนสามารถประมูลสินทรัพย์ได้แล้วรวมกว่า 7,525 ล้านบาท
นายอมเรศกล่าวว่า มูลค่าการประมูลของสินทรัพย์รองขณะนี้ส่วนใหญ่จะมาจากการประมูลเงินลงทุน โดยแบ่งเป็นการประมูลพันธบัตร 3 ครั้ง มูลค่ารวมประมาณ 6,500 ล้านบาท การประมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาด 1 ครั้ง มูลค่าประมาณ 288 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้จากการประมูลรถทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดรวม 11 ครั้ง สามารถประมูลได้ 2,694 คัน มูลค่า 691 ล้านบาท การประมูลอุปกรณ์สำนักงาน 16 ล้านบาท นอกจากนี้ ในวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ ปรส.จะตัดสินผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาล ครั้งที่ 4 และการประมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนครั้งที่ 2 ซึ่งคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายสินทรัพย์รองจะเพิ่มมูลค่าถึงกว่า 10,000 ล้านบาท
"ความคืบหน้าขณะนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมการประมูลสินทรัพย์ตัวอื่นๆ อาทิ การประมูลงานศิลปะซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 10-14 มิถุนายน การประมูลคอมพิวเตอร์โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ต่อพ่วงที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับผู้ทำการประมูล ซึ่งคาดว่าจะสามารถประมูลได้ในต้นเดือนมิถุนายนการประมูลสมาชิกภาพสนามกอล์ฟและสโมสรกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารการโอนและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทผู้ทำการประมูล ซึ่งคาดว่าจะนำออกประมูลได้ประมาณเดือนมิถุนายนเช่นกัน นอกจากนี้จะมีการประมูลหลักทรัพย์ไม่จดทะเบียนอีกหลายรายการ เช่น หลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ 4 บริษัท และสำหรับกรณีเรือยอร์ชขณะนี้กรมศุลกากรได้ถอนการอายัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรส.จะดำเนินการทดลองเครื่อง และตรวจสอบสภาพเรือก่อนที่จะนำออกประมูลในช่วงปลายเดือนหน้า "นายอมเรศกล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ตร.มนตรี เจนวิทย์การ องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) หรือ ลัคคณา ขวัญงาม บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด โทร. 263-2620 และ 650-9650 ต่อ 102,103--จบ--