พรีม่าโกลด์เดินกลยุทธ์ดึงเงินนอก เล็งส่งออกเพิ่มทดแทนยอดขายในประเทศ

กรุงเทพ--8 มิ.ย.--พรีม่าโกลด์ พรีม่าโกลด์ ชูชื่อเสียงและคุณภาพดันสินค้าเป็นแบรนด์ระดับอินเตอร์ ล่าสุดเผยสองกลยุทธ์หลักผนวกแผนช่วยเหลือคู่ค้าต่างประเทศที่มีอยู่ในเอเชียและตะวันออกกลาง พร้อมเร่งบุกตลาดใหม่ทั้งในเวียดนาม รัสเซีย และแอฟริกา หวังปี 2541 สัดส่วนส่งออกเพิ่ม คาดดึงรายได้เข้าประเทศกว่า 300 ล้าน ทดแทนตลาดในประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว นายพนม ฉัตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีม่าโกลด์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เครื่องประดับทองคำบริสุทธิ์ 24 K "พรีม่าโกลด์" เครื่องประดับเพชรแท้ "พรีม่าไดมอนด์" และ "Eighteen K By Prima Gold" เปิดเผยว่า "แผนการขยายตลาดส่งออกของพรีม่าโกลด์ในปีนี้ แบ่งออกเป็น 2 แนวทางคือ แผนการสนับสนุน ช่วยเหลือ และพัฒนาคู่ค้าต่างประเทศที่มีในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่คู่ค้าในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ ซาร์จาห์ และอาบูดาบี) อียิปต์ อินเดีย และปากีสถาน ให้มีระบบการบริหารการขายและการตลาด ที่ได้มาตรฐานเดียวกันกับพรีม่าโกลด์ในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพของคู่ค้าเหล่านี้ในการกระตุ้นยอดขายให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้ยอดการสั่งซื้อจากคู่ค้าเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นด้วย" นายพนมกล่าวต่อไปว่า "ส่วนแผนการเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ ทางพรีม่าโกลด์คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการสาขาแฟรนไชส์ในเวียดนามได้ในราวเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ที่รัสเซีย (มอสโคว์) ในราวปลายปีนี้ และในเร็วๆ นี้ที่ซาอุดิอาราเบีย ส่วนอีก 2-3 ประเทศในทวีปแอฟริกา กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา สำหรับแผนการขยายตลาดไปยังประเทศในแถบยุโรปนั้น ขณะนี้กำลังศึกษาถึงความนิยมของผู้บริโภคอยู่ คาดว่าในอนาคตข้างหน้าคงจะสามารถขยายตลาดไปได้" พรีม่าโกลด์เริ่มขยายตลาดไปยังต่างประเทศในรูปแบบของระบบแฟรนไชส์นับตั้งแต่ปี 2538 ที่ผ่านมามีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสินค้าเริ่มติดตลาด สำหรับสัดส่วนการขายภายในประเทศและส่งออกในปีนี้ พรีม่าโกลด์คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณสองเท่าตัว หรือมีสัดส่วนร้อยละ 55 ขณะที่ประเมินยอดขายภายในประเทศไว้ราว 250 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 45 "ตลาดต่างประเทศที่ทำรายได้มากที่สุด ได้แก่ ตลาดตะวันออกกลาง รองลงมาคือ อียิปต์ เนื่องจากเป็นประเทศที่ยังมีกำลังซื้อสูง เพราะไม่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจเหมือนประเทศในเอเชีย ตลาดในแถบตะวันออกกลางจะมีรสนิยมในการซื้อทองรูปพรรณคล้ายกับคนไทย โดยเฉพาะทองคำ 24 K กำลังได้รับความนิยมจึงทำตลาดได้ง่าย นอกจากนี้เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสินค้าพรีม่าโกลด์ที่แตกต่างจาก คู่แข่งรายอื่นๆในตลาดดังกล่าวช่วยให้สินค้าพรีม่าโกลด์แทรกตัวเข้าสู่ตลาดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย" นายพนมกล่าวเสริม "ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของสินค้าพรีม่าโกลด์นับแต่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ. 2535 มีปัจจัยพื้นฐานมาจากภาพพจน์ที่ดีของพรีม่าโกลด์ที่ผลิตสินค้าคุณภาพดีและรูปแบบสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนได้รับรางวัลสูงสุดของผู้ส่งออกไทย (Prime Minister's Export Award 1996) ประเภทการออกแบบและดีไซน์ มีการพัฒนาและออกแบบสินค้าให้ทันสมัยอยู่เสมอ และยังมีบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งานอีกด้วย" นายพนมกล่าวสรุป สำหรับการขายในประเทศ ปัจจุบันพรีม่าโกลด์มีร้านค้าปลีก เคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าและ สาขาแฟรนไชส์ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดรวม 27 แห่ง โดยในกรุงเทพฯมีร้านค้าปลีก 4 แห่ง เคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมทั้งที่ท่าอากาศยานดอนเมืองรวม 14 แห่ง มีสาขาแฟรนไชส์ 2 สาขา ได้แก่ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และดิเอ็มโพเรียม ในต่างจังหวัดมีเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้า 4 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลสุคนธา หาดใหญ่ เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว เชียงใหม่ คลังพลาซ่า นครราชสีมา เจริญศรี โรบินสัน อุดรธานี มีสาขาแฟรนไชส์ที่เป็นร้านค้าปลีก 1 แห่ง คือ แปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา และที่เป็นเคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้าอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรบินสันโอเชี่ยนภูเก็ต และแฟรี่แลนด์ นครสวรรค์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่บริษัท เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 254-5152--จบ--

• ข่าวทองคำบริสุทธิ์
• ข่าวเครื่องประดับ
• ข่าวพนม ฉัตรานนท์
• ข่าวพรีม่าโกลด์
• ข่าวต่างประเทศ