"เจ็บคอ" คออักเสบ คอแดง ในวันนี้ แตกต่างจากในวันวานอย่างไร

14 Feb 2025

ในช่วงเวลาของการสอบไล่ปลายภาคของเด็กวัยประถมกำลังจะมาถึง การสอบเข้าเรียนต่อของเด็กวัยมัธยมอัตราการแข่งขันก็สูง ความเครียดจากการเรียนการเตรียมสอบ การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ และ ฝุ่น pm 2.5 เองที่ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลงง่าย ๆ การตื่นเช้ามาแล้ว "เจ็บคอ" ของทุกช่วงวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในวันนี้เป็นแค่เพียงการเจ็บคอทั่ว ๆ ไป หรือคุณกำลังเกิดการติดเชื้อ สเตร็ปเอ ทำให้ก่อ โรคไข้อีดำอีแดง กันแน่ ซึ่งบทความให้ความรู้โดย พญ.สิริรักษ์ กาญจนธีระพงค์ (ว 34129) กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children's Health Center) โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายเกี่ยวกับอาการ การรักษา และการป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง นำไปสู่การรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

"เจ็บคอ" คออักเสบ คอแดง ในวันนี้ แตกต่างจากในวันวานอย่างไร

มาทำความรู้จัก โรคไข้อีดำอีแดง หรือ scarlet fever ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจาก toxin ของเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอสคัส สายพันธุ์เอ (Streptococcus group A) พบการระบาดบ่อยในเด็กโต ช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี ทำให้อาการคออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ร่วมกับมีผื่นแดงตามตัว เชื้อนี้อยู่ในน้ำลาย เสมหะหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย จึงเกิดการติดต่อกันได้โดยง่าย ผ่านละอองฝอยของน้ำมูก เสมหะที่ไอหรือจามรดกัน อีกทั้งผ่านการสัมผัสโดยตรงจาก มือ สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ได้

อาการแสดงที่พบ

  1. ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวร่วมกับอาการเจ็บคอ นั่นคือคออักเสบ เป็นอาการสำคัญ โดยการเจ็บคอนั้นมักพบอาการอื่น ๆ เช่น ตุ่มสีแดงที่ลิ้น คล้ายผลสตรอเบอรี่
  2. อาจมีต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโตอักเสบร่วมด้วย ซึ่งอาจจะบวมแดง มีหนองได้
  3. ผื่นแดง สากคล้ายกระดาษทราย ขึ้นรอบคอ หน้าอก และกระจายไปตามลำตัวและแขนขา
  4. ต่อมาอาจมีการลอกของผิวหนัง บริเวณรักแร้ ขาหนีบ ปลายนิ้วมือเท้าได้

อาการแทรกซ้อนที่พบได้ และต้องเฝ้าระวัง

  • โรคไข้ ข้ออักเสบรูมาติก
  • ไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดตามหลังได้ 1-4 สัปดาห์ จากปฏิกิริยาเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย

การวินิจฉัยโรค

วินิจฉัยจากประวัติและอาการ อาการแสดงของโรคเป็นสำคัญ ร่วมกับการเพาะเชื้อจากคอที่มีการอักเสบของผู้ป่วย ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

การรักษา

  1. ยาปฏิชีวนะ ชนิดเพนนิซิลิน(Penicillin) เช่น อะมอกซิซิลิน (Amoxycillin) อย่างน้อย 7-10 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนของ โรคไข้ข้ออักเสบรูมาติกและไตอักเสบ ตามมา
  2. รักษาประคับประคองตามอาการอื่น ๆ เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการเจ็บคอ ลดอาการคันสากจากผื่น
  3. 3. ร่วมกับคำแนะนำให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  4. หากใน 1-4 สัปดาห์ พบอาการไข้ร่วมกับอาการเหนื่อยง่าย ปวดข้อ รอยโรคที่ผิวหนัง หรือ ปัสสาวะผิดปกติ ควรมาพบแพทย์ทันที

การป้องกัน

เนื่องจากเป็นโรคที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

  1. จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยให้ได้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมง หากผู้ป่วยได้รับยากลุ่มเพนิซิลินแล้ว
  2. หากจำเป็นที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ป่วย ควรต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันสารคัดหลั่ง จากน้ำมูก เสมหะ น้ำลาย และจำเป็นต้องล้างมือด้วยน้ำสบู่ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วยหรือของใช้ของผู้ป่วย
  3. หมั่นรักษาสุขภาพของตนและบุตรหลานให้แข็งแรง พร้อมต่อสู้กับโรคภัยเสมอ กรณีหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์สุขภาพเด็ก (Children's Health Center) โรงพยาบาลนวเวช โทร. 1507 Line: @navavej

"เจ็บคอ" คออักเสบ คอแดง ในวันนี้ แตกต่างจากในวันวานอย่างไร
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit