4 โบรกฯ สแกนหุ้น IPO "BKA" ราคาเป้าหมาย 4.60 - 5.30 บาท/หุ้น ประกาศศักดา "ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง"

20 Jan 2025

4 โบรกเกอร์ ประสานเสียง แสกนหุ้นน้องใหม่ IPO บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) ให้กรอบราคาเป้าหมาย 4.60 - 5.30 บาทต่อหุ้น พร้อมตอกย้ำศักยภาพความเป็น "ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง" อนาคตไกล ระดมทุนหวังดึงเงินต่อยอดธุรกิจ ขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) พร้อมยกระดับพัฒนา Property Technology (Prop Tech) สร้างแพลตฟอร์ม "Prop Tech" นวัตกรรมใหม่ในการดูบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ สานฝันคนอยากมีบ้าน

4 โบรกฯ สแกนหุ้น IPO "BKA" ราคาเป้าหมาย 4.60 - 5.30 บาท/หุ้น ประกาศศักดา "ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง"

บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ผู้นำในธุรกิจบ้านมือสองตกแต่งใหม่ โดยดำเนินธุรกิจให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย ("ธุรกิจบ้านแต่ง" หรือเรียกว่า "Flipping") ซึ่งเป็นการรับฝากขายบ้านมือสองพร้อมกับการปรับปรุงก่อนขาย เพื่อให้มีสภาพใหม่พร้อมอยู่อาศัย พร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขาย ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการรับฝากขายบ้านมือสอง ("ธุรกิจบ้านฝาก") และธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย ("ธุรกิจบ้านตัด") เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

สำหรับการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน เพื่อขยายการเติบโตของบริษัทฯ จากการขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้นเป็นหลัก รวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาฯ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้ต้องการซื้อและขายบ้านได้หลากหลายและมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับ ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน ได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแผนชำระคืนเงินกู้ยืมจากบุคคลอื่นทั้งจำนวน และด้วยศักยภาพ รวมถึงโอกาสในธุรกิจอสังหาฯ มือสอง ที่สะท้อนถึงข้อได้เปรียบระหว่างบ้านมือสองและโครงการบ้านใหม่ ตอบโจทย์ "BKA ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง" ภายใต้ทำเลเดียวกัน บนราคาที่คุ้มค่ากว่า และพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ส่งผลให้ดีมานด์บ้านมือสองในปัจจุบันเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สอดรับกับบทวิเคราะห์ ทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ที่ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น BKA ที่ระดับ 4.60 - 5.30 บาท/หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินระดับความเหมาะสม ราคาหุ้น BKA ที่ราคา 5.30 บาท/หุ้น อิง PER 14.5 เท่า โดยมองว่าจากความน่าสนใจของธุรกิจ เป็นหนึ่งในผู้นำ ธุรกิจบ้านมือสองตกแต่งใหม่พร้อมขาย โดยให้บริการปรับปรุงและขายบ้านมือสอง ซึ่งมี Portfolio ที่หลากหลาย และยังเตรียมขยาย Backlog บ้านมือสองมากขึ้นจากสถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) รวมถึงวางแผนลงทุนธุรกิจ Property technology โดยการสร้างแพลตฟอร์มตัวกลางซื้อขายอสังหาฯ จะทำให้บริษัทฯ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้หลากหลายขึ้น พร้อมทั้งประเมินกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 40 ล้านบาท (+80% YoY) หนุนโดย GPM สูงขึ้นอยู่ที่ 11% จากปี 2023 ที่ 9.6% เป็นผลจากการขยายผลิตภัณฑ์บ้านมือสองที่ราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025 ที่ 77 ล้านบาท (+91% YoY) จากรายได้ที่ขยายตัว +47% YoY ตามกลยุทธ์การขยาย Portfolio บ้านมือสองมากขึ้นภายหลัง IPO

บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่ 5.15 บาท/หุ้น โดยอ้างอิง PER ปี 2025 ที่ 15.0 เท่า มี Discount จากค่าเฉลี่ยของ SET Index ย้อนหลัง 10 ปีที่ 16.0 เท่า เล็กน้อย และมี Discount จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิ ระหว่างปี 2025-2027 ที่ 40% ทำให้มี PEG ต่ำประมาณ 0.4 เท่า นอกจากนี้ยังมองว่า BKA มี 3 จุดเด่นที่น่าลงทุน ได้แก่ 1. ธุรกิจบ้านมือสอง มีความได้เปรียบบ้านโครงการใหม่ ทั้งทำเลและราคาที่คุ้มค่ากว่า จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ 2.ธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เป็นการวางเงินประกัน ปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุน ซื้อบ้านทั้งหลัง ทำให้ประหยัดเงินลงทุนได้มาก แต่ให้ผลตอบแทนสูง 3.เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อขายบ้านมือสอง ซึ่งเป็นการต่อยอดทางธุรกิจในอนาคต

พร้อมได้คาดการณ์กำไรสุทธิ โดยมองอัตราการเติบโต CARG อยู่ที่ 40% ช่วงปี 2025-2027 โดยในปี 2025 อยู่ที่ 72 ล้านบาท ปี 2026 ที่ 96 ล้านบาท และปี 2027 ที่ 115 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเข้าถึงบ้านที่มีโครงสร้างยังดีอยู่พร้อมปรับปรุง แต่มีราคาถูกผ่าน NPA ของธนาคารต่างๆ และที่สำคัญกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีแนวโน้มความต้องการสูง

บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่ 5.05 บาท/หุ้น โดยอิงจากหุ้นอสังหาฯ ในตลาด mai ใช้วิธี P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ที่ 14.1 เท่า โดยมองว่า ในปี 2568-2569 BKA มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจสูงขึ้น จากแผนการระดมทุน ส่งผลให้คาดการณ์รายได้ใน ปี 2568 ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.1% (YoY) ซึ่งเติบโตจากการขยายธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทฯ เชี่ยวชาญ และในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีดีมานด์สูง โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้น 11.7% (YoY) จากการปรับพอร์ตมาสู่บ้านระดับราคาที่สูงขึ้น พร้อมทั้งคาดการณ์กำไรสุทธิ 75.50 ล้านบาท +87.6%(YoY) EPS 0.36 บาท/หุ้น และคาดว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปี 2569 จากการเริ่มขยายกิจการในปี 2568

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม BKA ที่ 4.60 บาท/ หุ้น อิง PE 13 เท่า เนื่องจากไม่มีบริษัทจดทะเบียนในตลท.รายใดทำธุรกิจเหมือนกับ BKA จึงอิง Forward PE2025 ของบริษัทผู้ที่มีบางส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบ้านมือสอง และจากความได้เปรียบด้านราคาที่ต่ำกว่าบ้านใหม่และทำเลที่ดีกว่า ส่งผลทางฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรปี 2024 ที่ 40 ล้านบาท (+77% YoY) ขณะที่ปี 2025-2026 กำไร 74 ล้านบาท (+85% YoY) และ 83 ล้านบาท (+12% YoY) ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย 54% CAGR ตามทิศทางและแผนรุกขยายพอร์ตบ้านแต่ง(Flipping) มากขึ้น ทั้งนี้เป็นผลมาจากความพร้อมด้านกระแสเงินสดภายหลัง IPO รวมถึง SG&A ต่อรายได้ลดลงจาก Economy of scale ที่ดีขึ้น รวมถึงต้นทุนการเงินที่ลดลง หลังนำเงิน IPO ไปคืนหนี้เงินกู้ สะท้อนถึงการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น