บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป หรือ BKA เปิดฉากนำเสนอข้อมูลนักลงทุนทั่วไป (RETAIL INVESTOR ROADSHOW) ตอกย้ำ "BKA ที่ 1 เรื่องบ้านมือสองตกแต่งใหม่" เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ก่อนเสนอขาย IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ผู้นำในธุรกิจบ้านมือสองตกแต่งใหม่ เปิดเผยว่า บริษัทฯ นำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุนทั่วไป (RETAIL INVESTOR ROADSHOW)ในครั้งนี้ เพื่อตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย ("ธุรกิจบ้านแต่ง" หรือเรียกว่า "Flipping") ซึ่งเป็นการรับฝากขายบ้านมือสองพร้อมกับการปรับปรุงก่อนขาย เพื่อให้มีสภาพใหม่พร้อมอยู่อาศัย พร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขาย ธุรกิจนายหน้าซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการรับฝากขายบ้านมือสอง ("ธุรกิจบ้านฝาก") และ ธุรกิจซื้อบ้านมือสองมาปรับปรุงเพื่อขาย ("ธุรกิจบ้านตัด") ก่อนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai)
การระดมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจของ BKA ให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ สู่การขยายพอร์ตการให้บริการบ้านแต่ง (Flipping) เพิ่มขึ้นรวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการ ซื้อขายอสังหาฯ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งผู้ต้องการซื้อและขายบ้านได้หลากหลาย เพิ่มมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) มาใช้ในการแนะนำบ้านให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงทางออนไลน์
"ด้วยศักยภาพ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ ในฐานะผู้นำธุรกิจบ้านมือสอง ทำให้วันนี้ BKA สามารถตอบโจทย์ความเป็น "ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง" ภายใต้จุดเด่นและความได้เปรียบกว่าบ้านมือหนึ่ง บนทำเลเดียวกัน ราคาที่คุ้มค่ากว่า และพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ถือเป็นหัวใจหลักที่ผลักดันให้ BKA เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จนก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชนในวันนี้"
ด้วยศักยภาพและจุดเด่นดังกล่าว สะท้อนถึงผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ ปี 2564 - 2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,304.94 ล้านบาท 1,302.92 ล้านบาท 1,313.59 ล้านบาท และ 870.03 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2564 - 2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ระดับ 49.77 ล้านบาท 21.44 ล้านบาท 22.27 ล้านบาท และ 27.64 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 3.81 ร้อยละ 1.65 ร้อยละ 1.70 และร้อยละ 3.18 ในปี 2564 - 2566 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 ตามลำดับ
ด้านนางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะบริษัท ที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า BKA มีจุดเด่นข้อได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจบ้านมือสอง ได้แก่ 1. บ้านมือสองมีความได้เปรียบทั้งด้านทำเล และราคาที่คุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับบ้านโครงการใหม่ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้หาซื้อบ้าน 2. Model ธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) เป็นการวางเงินประกัน ปรับปรุง และขายบ้าน โดยไม่ต้องลงทุนบ้านทั้งหลัง ทำให้ประหยัดเงินลงทุนไปได้มาก และได้ผลตอบแทนสูง 3. ตลาดบ้านมือสองยังมีศักยภาพการเติบโต เนื่องจากสถาบันการเงินและ AMC มีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในระบบจำนวนมาก ซึ่งเป็นสินค้าบ้านมือสองทำเลดี และราคาคุ้มค่าต่อการลงทุน 4. BKA เป็นผู้นำในธุรกิจบ้านมือสองที่มีจำนวนบ้านมือสองตกแต่งใหม่พร้อมขายจำนวนมาก โดยให้บริการปรับปรุง และขายบ้านมือสอง ซึ่งมีรายได้กระจายไปในบ้านแต่ง บ้านฝาก และบ้านตัด หลายโครงการในทำเลที่ดี โดยไม่ได้ Focus โครงการใดโครงการหนึ่งเป็นหลัก และ 5.ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจมาเป็นระยะเวลากว่า 12 ปี รวมทั้งมี Website ที่ทำให้สะดวกในการเข้าถึงข้อมูลบ้านมือสองในทำเลต่าง ๆ และยังมีเครือข่าย Agent ที่สามารถอำนวยความสะดวก และรวดเร็วให้กับลูกค้า ซึ่งช่วยสนับสนุนการขาย และสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทฯ ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของ BKA ที่จะมุ่งสู่การสร้างโอกาส ในธุรกิจบ้านมือสอง ให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
"BKA เตรียมการเพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยปัจจุบัน BKA มีทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 210 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 75 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 150 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.57 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit