เมื่อโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) สมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญและแทรกซึมไปกับทุกจังหวะชีวิตของคนยุคใหม่ ด้วยฟังก์ชันหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ความบันเทิงไปจนถึงเรื่องการเงิน แต่เมื่อพูดถึงแอปพลิเคชันการเงินในปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีเพียง อีวอลเล็ต (E-Wallet) หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่เป็นบริการเด่นเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ผู้ให้บริการต่างก็เดินหน้าพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ของบริการด้านการเงินของตัวเองให้ครบวงจร ไม่เพียงเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับความสะดวกของยุคดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ให้ครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่มมากขึ้น ด้วยการทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่าย ลดความยากในการเข้าถึง พร้อมผลักดันให้ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง
ทรูมันนี่ ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เริ่มสร้างบริการ
ใช้จ่าย (Payment) เพื่อตอบโจทย์การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการทำให้ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของผู้คนเป็นเรื่องง่าย อย่างไรก็ดี การสร้างแอปการเงินครบวงจร (Financial Super App) จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึง 4 ปัจจัยสำคัญ ที่สามารถส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินให้แก่บุคคลทุกกลุ่มได้อย่างยั่งยืน ประกอบไปด้วย
จากงานวิจัยของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ในปีพ.ศ. 2565 พบว่า เทรนด์ทางด้านทักษะความเข้าใจและความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literary) ของบุคคลทั่วไป โดยมากจะมีแนวโน้มสอดคล้องไปกับทักษะความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลซึ่งเก็บรวบรวมจากผู้คนอายุระหว่าง 16 - 35 ปี จำนวน 90,000 คน จาก 6 ประเทศในอาเซียน พบ กว่า 24% ของมิลเลนเนียล (อายุตั้งแต่ 16 - 35 ปี) ไม่เคยเรียนรู้เรื่องการจัดการทางการเงิน หรือ การลงทุนมาก่อน เนื่องจากมองว่า การเงินเป็นเรื่องยาก อีกทั้งยังมีกำแพงด้านภาษาและขั้นตอนการใช้งานที่ซับซ้อน
ผู้ให้บริการจึงควรทำให้การใช้งานแอปการเงินเป็นเรื่องง่ายและตอบโจทย์ของผู้ใช้งาน ด้วยการลดอุปสรรคในการเข้าถึง (Barrier of Entry) อีกทั้งควรออกแบบแอปที่สามารถเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้ใช้งาน ให้พวกเขาสามารถเริ่มสร้างความมั่นคงทางการเงินของตนเองได้ไม่ยาก พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่สนุกและมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ฝากเงินแล้วเห็นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นรายวัน หรือ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษต่าง ๆ จากการใช้บริการให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
ความสะดวกทั้งหมดนี้จะเป็นแรงดึงดูดหลักที่ทำให้บุคคลที่ไม่เคยใช้บริการแอป หรือ บุคคลที่ยังนิยมใช้จ่ายด้วยเงินสด สนใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอีโคซิสเต็มส์ที่ครบวงจร ซึ่งช่วยยกระดับชีวิตทางการเงินและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกมิติ
นอกจากนี้ บริการด้านการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งบริการสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางการเงิน ผ่านการทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่งอกเงย โดยทรูมันนี่มองว่า อุปสรรคสำคัญในการลงทุนคือ การกำหนดยอดเงินขั้นต่ำในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ทรูมันนี่จึงลดข้อจำกัดตรงนี้ลงสำหรับบริการด้านการลงทุน โดยให้สามารถลงทุนในกองทุนรวมได้แบบไม่มีขั้นต่ำ ซึ่งช่วยให้คนรุ่นใหม่ที่ยังมีเงินออมไม่เยอะ สามารถลงทุนได้สะดวกตามรายได้ที่มี อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนที่งอกเงย พร้อมติดตามผลตอบแทนได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปทรูมันนี่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครบวงจร ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นแอปการเงินครบวงจร เพิ่มบริการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นในเร็วๆ นี้ อย่าง หุ้นกู้ หุ้นต่างประเทศ และการลงทุนในทอง เป็นต้น ซึ่งนับว่าเป็นก้าวสำคัญที่ผู้ให้บริการพยายามเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่มในหลากหลายไลฟ์สไตล์ ที่นอกจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้วยังตอบโจทย์เรื่องการออมและการลงทุนที่เข้าถึงผู้คนทุกกลุ่มอีกด้วย
โดยพวกเขายังมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจง อย่าง การส่งเงินให้ครอบครัวในภูมิลำเนา (International Transfer) การจ่ายบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในต่างประเทศ (Cross Border Bill Payment) หรือ การเติมเงินโทรศัพท์ (Cross Border Mobile Top-up) ไปยังเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผู้ให้บริการในต่างประเทศ การที่ทรูมันนี่เปิดให้ชาวต่างชาติที่มาทำงานในไทยสามารถเปิดบัญชีได้ และตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ จึงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่พวกเขาและสร้างการเข้าถึงบริการทางเงิน รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ในยุคดิจิทัล แอปการเงินครบวงจรอย่าง ทรูมันนี่ มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเสริมเกราะการป้องกันโดยสามารถประยุกต์ใช้ความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI - Artificial Intelligence) มาทำงานร่วมกับเทคโนโลยีวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Engineering) ในการรวบรวม จำแนก และจดจำ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้บริการ และสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อมูลชีวมิติ และ สถานที่ในการใช้งาน เพื่อตรวจจับการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงหยุดการทำธุรกรรมที่มีความผิดปกติได้ในทันที โดยอิงจากประวัติการทำรายการย้อนหลังที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินยังสามารถร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดทำระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการบันทึกข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่กระทำความผิดด้านการเงิน ทำให้การตรวจสอบประวัติอาชญากรรมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ในการเดินหน้าเสริมสร้างอีโคซิสเต็มส์ของบริการด้านการเงินให้ครอบคลุมผู้คนทุกกลุ่ม ยังคงต้องคำนึงถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้บริการ เพื่อพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่เหมาะสม ให้สามารถตอบโจทย์และทลายข้อจำกัดทางด้านการเงินสำหรับผู้บริโภค ที่นอกจากการเข้าถึงแล้วจะยังช่วยสร้างเสริมประสบการณ์ด้านการเงินที่ดีให้แก่ผู้คน ซึ่ง ทรูมันนี่ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการรวมไปถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเพื่อให้ผู้ใช้บริการของเรามั่นใจในทุกธุรกรรมทางการเงินบนทรูมันนี่ได้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit