"แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

แพทย์จุฬาฯ ออกแบบแก้วน้ำกันสำลัก คำนวณมุมการไหลของน้ำ ปริมาณ และระยะเวลาการไหลของน้ำจากแกถึงริมฝีปากผู้ป่วย หวังลดอัตราการสำลักที่อาจนำไปสู่ภาวะปอดติดเชื้อ ให้ผู้ดูแลสบายใจ ผู้ป่วยปลอดภัย เพิ่มคุณภาพชีวิต

"แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

สำลัก ปัญหาที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกับผู้สูงวัยที่ป่วยด้วยโรคทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น การสำลักในผู้สูงวัยหรือผู้ป่วยโรคดังกล่าวอาจทำให้เกิดภาวะปอดบวม ปอดติดเชื้อ ติดเชื้อในกระแสโลหิต จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ในที่สุด ปัญหาการสำลักจึงเป็นเรื่องที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยไม่ควรมองข้าม "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

"เมื่อผู้ป่วยที่มีอาการกลืนยาก และสำลักง่ายมาพบแพทย์ แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยกินช้า ๆ ดื่มช้า ๆ ก้มคอแล้วค่อยกลืนอย่างมีสมาธิ และหมั่นฝึกกล้ามเนื้อคอเป็นประจำ — ฟังดูเหมือนง่ายนะครับ แต่มีผู้ป่วยไม่ถึงครึ่งที่สามารถทำได้ เพราะเรามักกินดื่มแบบที่เราเคยชินจนเสี่ยงเกิดการสำลักตามมาบ่อย ๆ" ศาสตราจารย์ นายแพทย์ รุ่งโรจน์ พิทยศิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านประสาทวิทยา และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สะท้อนปัญหาการสำลักในผู้สูงวัยที่ป่วยเป็นโรคระบบประสาท "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

"ในเมื่อผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความเคยชินยาก เราจึงหาวิธีอื่นเพื่อช่วยควบคู่กันไปด้วย โดยศึกษาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำปกติ เมื่อน้ำไหลมาแตะริมผีปาก เราจะเงยคอขึ้น มาเป็นฐานในการพัฒนาแก้วน้ำกันสำลัก" "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ รุ่งโรจน์ พิทยศิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านประสาทวิทยา "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

อาการสำลัก อันตรายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

คนเราไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ "สำลัก" น้ำและอาหารกันได้ แต่ก็มักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และมักไม่อันตรายมากนัก (หากแก้อาการและได้รับความช่วยเหลือได้ทันท่วงที) แต่อาการสำลักที่น่าห่วงใยและเราควรใส่ใจเป็นพิเศษคือการสำลักที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ ผู้มีอาการกล้ามเนื้อคออ่อนแรง ผู้ป่วยระบบประสาทที่กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน เช่น คนไข้โรคพาร์กินสัน และผู้มีภาวะกลืนยาก (1 ใน 3 ของผู้สูงวัยมีภาวะกลืนยาก และครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคทางสมองมีภาวะกลืนยาก) "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก

"ผู้สูงวัยบางรายมีปัญหาเรื่องการกลืนยากและมีความเสี่ยงที่จะสำลักสูง จนแพทย์วินิจฉัยว่า เขาถึงจุดที่ควรใส่สายให้อาหารทางจมูก หรือเจาะหน้าท้องให้อาหารได้แล้ว แต่ครอบครัวคนไทยส่วนใหญ่กลัวการทำแบบนี้ และมักให้เหตุผลว่า สงสารผู้สูงวัย แต่ความสงสารนี้นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูงมาก ๆ" ศ.นพ.รุ่งโรจน์ อธิบาย

"ปัญหาหนึ่งของผู้สูงวัย คือ การกลืนไม่หมด มีการตกค้างของเศษอาหารในช่องปาก ยกตัวอย่าง อาหารหนึ่งคำ จะมีทั้งข้าวและกับข้าว ซึ่งผู้สูงวัยหรือผู้ป่วยอาจกลืนให้หมดไม่ได้ในครั้งเดียว แพทย์จะแนะนำให้ผู้ดูแลบอกให้ผู้ป่วยกลืนซ้ำรอบที่ 2 หรือบางคนอาจต้องกลืนซ้ำเป็นรอบที่ 3 เพื่อกลืนอาหารให้หมด นอกจากนี้ ผู้ดูแลยังต้องตรวจสอบในช่องปากผู้ป่วยทุกครั้งด้วยว่ามีเศษอาหารหลงเหลืออยู่หรือไม่ เพราะหากมีเศษอาหารหลงเหลืออยู่ในช่องปาก มันจะทำให้ผู้ป่วยสำลักได้ในภายหลัง"

การสำลักภายหลัง (Delay Aspiration) อาจเกิดเพียงไม่กี่นาทีหลังจากการกลืนอาหาร แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ภายหลังการรับประทานอาหารในช่วง 1 ชั่วโมงได้เช่นกัน

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ อธิบายให้เห็นภาพอาการสำลักภายหลังว่า "มันจะคล้าย ๆ กับกลืนอาหารจนหมดแล้ว แต่จริง ๆ ยังแอบมีเศษอาหารหลงติดอยู่ในช่องปาก เมื่อผู้ป่วยนอนหงาย เศษอาหารก็จะตกลงมา ทำให้มีอาการไอ และสำลักตามมา"     

นอกจากนี้ ยังมี อาการสำลักเงียบ (Silence Aspiration) หมายถึงการสำลักแบบไม่มีอาการไอ ไม่แสดงอาการใด ๆ แต่เศษอาหารเล็ก ๆ หรือน้ำลายของผู้ป่วยที่มีเชื้อแบคทีเรีย ในช่องปากได้ไหลลงในหลอดลมเรียบร้อย จนเป็นสาเหตุทำให้ปอดติดเชื้อ ปอดบวม ผู้ป่วยจะปรากฏอาการผิดปกติให้เห็นก็ต่อเมื่องเกิดอาการรุนแรงของภาวะปอดอักเสบ เช่น ไอ มีไข้ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก จนต้องเข้าโรงพยาบาล

กลืนอย่างไร ไม่สำลัก ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่าการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการสำลัก และภาวะกลืนยากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งผู้ดูแลต้องใจเย็นและเอาใจใส่เป็นพิเศษ ดังต่อไปนี้

  1. ชวนผู้ป่วยขยับกล้ามเนื้อบริเวณปากและคอเป็นประจำ เพื่อทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น เช่น บริหารกล้ามเนื้อคอ โดยใช้ท่าก้มเงยศรีษะช้าๆ ท่าเอียงศรีษะไปทางซ้าย-ขวา แต่ละท่าค้างไว้ 5 วินาที ทำซ้ำ 5 ครั้ง และบริหารกล้ามเนื้อปาก โดยออกเสียงอา อู อี โอ เอ ค้างไว้เสียงละ 5 วินาที ทำซ้ำเสียงละ 5 ครั้ง เป็นต้น
  2. ดูแลให้ผู้ป่วยมีสมาธิในการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ ตั้งใจรับประทานอาหารและกลืนอาหารให้หมด ในขณะรับประทานหรือดื่มน้ำ ต้องไม่คุย ไม่ดูโทรทัศน์ หรือไม่ทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะทำให้เสียสมาธิขณะรับประทาน และจะทำให้ประสิทธิภาพในการกลืนลดลง เสี่ยงกับการสำลัก
  3. แนะนำให้ผู้ป่วยก้มหน้าในขณะกลืน (Chin tuck maneuver) เมื่ออาหารเข้าปากแล้ว ให้เคี้ยวให้เสร็จเรียบร้อย และเมื่อจะกลืนต้องก้มคอ คางชิดหน้าอก แล้วค่อยกลืนเพื่อลดโอกาสสำลัก
  4. สังเกตพฤติกรรมการกินของผู้ป่วย หากผู้ป่วยทำท่าจะลืมข้อแนะนำที่ให้ก้มหน้าขณะกลืน ผู้ดูแลต้องดันศีรษะผู้ป่วยให้ถูกจังหวะ คางชิดอก แล้วบอกให้ผู้ป่วยกลืนอาหาร

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่าผู้ป่วยและผู้ดูแลจะได้รับคำแนะนำดังกล่าวและฝึกปฏิบัติจากนักฝึกกลืนที่โรงพยาบาล แต่ปัญหาที่มักพบเสมอ ๆ คือเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน พฤติกรรมการกลืนก็กลับไปเหมือนเดิม

"ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักทำได้แค่ตอนมาฝึกการกลืนร่วมกับนักฝึกกลืนที่โรงพยาบาล พอกลับบ้านไป ก็ไม่ได้ปรับพฤติกรรมการกินตามที่แพทย์กำชับ มีผู้ป่วยน้อยรายเท่านั้นที่ทำได้ อีกอย่างคือโรคประจำตัวบางโรคก็เป็นอุปสรรค เช่น โรคพาร์กินสัน และผู้ที่มีภาวะ Stroke กล้ามเนื้ออ่อนแรง หลอดเลือดตีบ ที่ทำให้การกลืนยากขึ้น"

แก้วน้ำกันสำลัก ตัวช่วยให้กลืนง่าย ลดโอกาสสำลัก

เมื่อการปรับพฤติกรรมด้วยการฝึกกลืนเป็นโจทย์ยากของทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล ทางทีมวิจัยจึงได้พัฒนา "แก้วน้ำกันสำลัก" ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ป่วยดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัย

"เราออกแบบแก้วน้ำกันสำลัก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดื่มน้ำ กลืนน้ำในขณะที่หลอดอาหารอยู่ในตำแหน่งที่ดี และหลอดลมปิดอยู่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสำลัก"  

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่าแก้วน้ำกันสำลัก ผลิตด้วยวัสดุประเภทเดียวกับขวดนมของเด็กทารก ดีไซน์ให้เหมือนแก้วน้ำปกติทั่วไป และใช้สีสันสดใสเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้อยากดื่มน้ำมากขึ้น

"เราไม่ต้องการให้ผู้ใช้และคนรอบข้างรู้สึกว่าผู้ที่ใช้แก้วน้ำนี้เป็นผู้ป่วย ที่กำลังใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ จึงดีไซน์ให้แก้วน้ำดูกลมกลืนกับของใช้ในชีวิตประจำวัน ที่สามารถพกไปใช้ที่ไหนก็ได้" ศ.นพ.รุ่งโรจน์ อธิบายแนวคิดในการดีไซน์ "แก้วน้ำกันสำลัก"  

แม้ภายนอกจะดูไม่แตกต่างจากแก้วน้ำทั่วไป แต่ภายในมีกลไกพิเศษเพื่อกันการสำลัก ที่ทีมวิจัยได้ศึกษาและคำนวณอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นมุมการไหลของน้ำ ปริมาณน้ำ และระยะเวลาการไหลของน้ำจากแก้วมาถึงริมผีปากผู้ใช้งานที่เหมาะสม  

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ อธิบายคุณสมบัติพิเศษของแก้วน้ำว่า "แก้วน้ำนี้ช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถดื่มน้ำได้โดยไม่ต้องเงยคอ เพราะการที่ผู้สูงวัยไม่ต้องเงยคอ จะช่วยลดการสำลักลงได้มาก และที่สำคัญ แก้วน้ำกันสำลักนี้สามารถควบคุมปริมาณน้ำต่อการดื่มแต่ละครั้งให้ไม่มากจนเกินไป  และกำหนดเวลาในการดื่มให้ไม่เร็วเกินไปได้ ด้วยปริมาณการดื่มที่เหมาะสม มุมที่เหมาะสม ท่าดื่มที่เหมาะสม เวลาดื่มที่ไม่เร็วจนเกินไป เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยสำลักน้อยลง"

นอกจากนี้ แก้วน้ำกันสำลักยังมีดีไซน์พิเศษเพื่อช่วยผู้ป่วยพาร์กินสันด้วย

"หูของแก้วน้ำมีลักษณะนูนขึ้นมา เพื่อช่วยคนไข้พาร์กินสันที่มีภาวะเกร็งกำมือได้ไม่สุด สามารถจับแก้วน้ำได้ถนัด มั่นคง และมั่นใจในการดื่มน้ำมากยิ่งขึ้น"

ลักษณะการจับหูแก้วน้ำกันสำลัก

ศ.นพ.รุ่งโรจน์ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่าสำหรับคนไข้พาร์กินสันที่มีอาการเกร็ง ช้า สั่น ควรกินยาโรคพาร์กินสันก่อนรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะเมื่อยาออกฤทธิ์ดี คนไข้จะมีอาการสั่นน้อยลง เคลื่อนไหวร่างกายได้ดีเกือบเป็นปกติ ลดโอกาสการสำลักลงได้

ทดสอบใช้จริง "แก้วน้ำกันสำลัก" ก่อนต่อยอดการผลิต

ปัจจุบัน แก้วน้ำกันสำลักยังเป็นต้นแบบ (Prototype) ที่ผ่านการวิจัยขั้นแรก และกำลังอยู่ในช่วงการวิจัยทดสอบ (Testing) กับผู้ใช้งานจริงจำนวนมาก ทั้งคนไข้ที่อยู่ในโรงพยาบาล และคนไข้ที่นำแก้วน้ำไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยมีการติดเครื่องเซนเซอร์จับพฤติกรรมขณะดื่มน้ำไว้ 

"เราต้องการรู้ว่าเมื่อผู้ใช้ได้ดื่มน้ำผ่านแก้วน้ำนี้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่มีแพทย์ หรือพยาบาลคอยควบคุมดูแลแล้ว แก้วน้ำนี้จะสามารถลดการสำลักได้ในระดับใด โดยจะประมวลผลการใช้งานจริงทั้งหมดนี้ นำมาพัฒนาดีไซน์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันให้มากที่สุด แล้วจึงต่อยอดการผลิตในระดับโรงงานอุตสาหกรรมต่อไป"

นอกจากพัฒนาการใช้งานแล้ว ในขั้นตอนการทดสอบนี้ ทีมวิจัยจะได้แก้ไขข้อจำกัดบางอย่างด้วย โดยเฉพาะเรื่องการทำความสะอาด เนื่องจากดีไซน์ของแก้วน้ำมีลักษณะเป็นชิ้นเดียว ภายในแก้วน้ำถูกออกแบบให้มีตัวกั้นน้ำ มีมุมลาดเอียงที่คำนวณการปริมาณไหลของน้ำไว้ จึงอาจทำให้ทำความสะอาดยากตามซอกมุมเหล่านี้

"ที่สุดแล้ว ทีมวิจัยหวังว่า "แก้วน้ำกันสำลัก" ที่เราตั้งใจออกแบบและพัฒนา จะช่วยผู้ใช้ให้สามารถกินอาหาร 3 มื้อต่อวันได้อย่างมีความสุข ดื่มน้ำได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะสำลัก" ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบวิจัยแก้วน้ำกันสำลัก สามารถติดต่อได้ที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์รุ่งโรจน์ พิทยศิริ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตึก ผู้สูงอายุ หรือ ตึกสธ. ชั้น 7 โทร 0-2256-4000 ต่อ 70702-3 โทรสาร 02-256-4000 ต่อ 70704 โทรศัพท์มือถือ 08-1107-9999 Website: www.chulapd.org

"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และได้รับการจัดอันดับว่าเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงติด 100 อันดับแรกของโลกด้านชื่อเสียงทางวิชาการ โดย (QS) World University Rankings 2021-2022"


ข่าวโรคพาร์กินสัน+โรคอัลไซเมอร์วันนี้

นอนละเมอ ท้องผูกเรื้อรัง มือสั่น ภัยเงียบ "โรคพาร์กินสัน" หนึ่งในกลุ่ม "โรคสมองเสื่อม" ที่พบผู้ป่วยอันดับ 2 รองจาก "โรคอัลไซเมอร์"

หลายคนมักมองข้ามอาการเช่น นอนละเมอ ท้องผูกเรื้อรัง มือสั่น แต่รู้หรือไม่ อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณร้ายของ "โรคพาร์กินสัน" หนึ่งในกลุ่ม "โรคสมองเสื่อม" ที่พบมากเป็นอันดับ 2 รองจากอัลไซเมอร์ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ โรคนี้ไม่ได้เป็นแค่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป เพราะหลายคนเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อยโดยไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่ากำลังป่วยอยู่ นพ.สิทธิ เพชรรัชตะชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและโรคพาร์กินสันจากโรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวถึงการเกิดโรคพาร์กินสันว่า "โรคนี้เกิดจากการเสื่อมสภาพของ

แพทย์จุฬาฯ ออกแบบแก้วน้ำกันสำลัก คำนวณมุม... "แก้วน้ำกันสำลัก" นวัตกรรมจุฬาฯ ตัวช่วยผู้ป่วยระบบประสาท ดื่มน้ำอย่างมั่นใจ ไม่สำลัก — แพทย์จุฬาฯ ออกแบบแก้วน้ำกันสำลัก คำนวณมุมการไหลของน้ำ ปริมาณ และระย...

ผลการศึกษาใหม่เผยผู้ป่วยโควิด-19 มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาท

ผลการศึกษาใหม่ที่นำเสนอในการประชุมสถาบันประสาทวิทยายุโรป (European Academy of Neurology หรือ EAN) ครั้งที่ 8 ระบุว่า ผู้ป่วยนอกที่มีผลโควิด-19 เป็นบวก มีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาท ...

อาการมือเท้าสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ สัญญาณอั... อาการมือเท้าสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ สัญญาณอันตรายใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อชีวิตคุณ — อาการมือเท้าสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ สัญญาณอันตรายใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อชีวิตคุณ ...

โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease) ถือเป... แพทย์ศรีสะเกษลุยแผนเชิงรุกสร้างเครือข่ายคัดกรองผู้ป่วยโรคพาร์กินสันทั่วภาคอีสาน — โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease) ถือเป็นโรคทางระบบประสาทและสมองที่พบบ...

ดร.นพ.โยธิน ชินวลัญช์ อายุรแพทย์ด้านสมองแ... ภาพข่าว: See the light of the brain ชี้ทางรู้เท่าทันความเสื่อมของโรคทางสมอง 3M — ดร.นพ.โยธิน ชินวลัญช์ อายุรแพทย์ด้านสมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพ นำ...

โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมห... การป้องกัน รักษาและบรรเทาโรคอัลไซเมอร์และ โรคพาร์กินสันด้วยการฝังเข็มแพทย์แผนจีน — โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมหรือการตายของเซลล์ประสาท ซึ่งทำ...

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ ... โรงพยาบาลพระรามเก้า จัดกิจกรรม "วันพาร์กินสันโลก 2025" — นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นประธานเปิดกิจกรรม "วันพาร์กินสัน...