บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หรือ 'SAFE' มั่นใจพร้อมเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้าน 4 โบรกเกอร์ชั้นนำ ประเมินราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 25 บาทต่อหุ้น จากราคา IPO ที่ 21 บาทต่อหุ้น ประสานเสียงเชียร์เป็นหุ้นเมกะเทรนด์ใหม่ทางการแพทย์ที่กำลังมาแรง จากการเป็นผู้ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร และผู้นำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการด้านพันธุศาสตร์ในประเทศไทย ขานรับประเทศไทยเป็นเดสทิเนชันของผู้มีบุตรยากจากทั่วโลก
นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยศักยภาพของธุรกิจที่อยู่ในเมกะเทรนด์ทางการแพทย์ โดย SAFE เป็นผู้ให้บริการคลินิกการแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตร ด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์แบบครบวงจรในไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธุ์ในระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วจากสถาบัน RTAC จากประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ให้บริการตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนให้การรักษาแก่ผู้มีบุตรยากและการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแบบพิเศษ การแช่แข็งไข่ ฝากไข่ อสุจิ และตัวอ่อน เพื่อเติมเต็มความฝันของการมีบุตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ โดยให้บริการแก่ผู้มีบุตรยากมากว่า
15 ปี มีสถิติในการเก็บไข่ตั้งแต่ปี 2561 ถึงไตรมาส 2/2566 กว่า 7,236 รอบ (OPU Cycle) ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีนักวิทยาศาสตร์ของการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากยุโรป (ESHRE) เป็นแห่งแรกของไทย จึงมีอัตราความสำเร็จการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 75
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเป้าหมายที่เหมาะสมของบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE ที่ 25 บาทต่อหุ้น อ้างอิงด้วยวิธีเปรียบเทียบ PE กับค่าเฉลี่ย PE 27 เท่า ของหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลและคู่แข่ง โดย SAFE ประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2567 ที่ 0.92 บาทและยังได้คาดการณ์รายได้รวมของ SAFE ในปี 2566-2568 จะเติบโตเฉลี่ย 26.5% ต่อปี จากแนวโน้มอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไทยที่เป็นจุดหมายสำคัญสำหรับผู้มีบุตรยากทั่วโลก ซึ่งจะเป็นสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงแผนขยายเครือข่ายให้บริการผ่านโรงพยาบาลพันธมิตรครอบคลุมทั่วประเทศและการเข้าซื้อกิจการศูนย์การแพทย์มีบุตรยากอื่น ๆ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2024 ของ SAFE ที่ 7,134 - 7,309 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคา 23.47-24.05 บาทต่อหุ้น ผ่านการประเมินมูลค่ากิจการด้วยวิธีอิงเป้าหมาย PEG และการคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ได้แก่ 1. ประมาณการการเติบโตของ EPS เฉลี่ย 21.4% ต่อปี CAGR และอิงเป้าหมาย PEG ที่ 1.2 เท่า ซึ่งเกิดจากการให้ Premium 20% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มผู้เล่นเกี่ยวเนื่องกับศูนย์การแพทย์ผู้มีบุตรยากที่ 1 เท่า เพราะมองว่า SAFE เป็นผู้นำในศูนย์การแพทย์เพื่อรักษาผู้มีบุตรยากที่ครบวงจร มีลูกค้าระดับไฮเอนด์ และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคู่แข่ง และ 2. การประเมินมูลค่าแบบ DCF บนสมมติฐาน WACC 8.3% และ Terminal growth 2% ซึ่งมูลค่าพื้นฐานคิดเป็น PER ปี 2566 ที่ 25.6-26.3 เท่า ตามลำดับ
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มกำไรสุทธิของ SAFE จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2566-2567 สูงถึง 29.1% และ 28.3% ตามลำดับ โดยมีแรงหนุนจากการใช้บริการรักษาผู้มีบุตรยากที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นจากจำนวนรอบการเก็บไข่ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นจากระดับ 1,140 รอบในปี 2565 เป็น 1,300 และ 1,508 รอบในปี 2566-2567 ด้วยอัตราความสำเร็จที่สูงกว่า 70% ของ SAFE โดยได้ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น SAFE สำหรับปี 2567 ไว้ที่ 23.80 บาท อ้างอิง PE 27 เท่าและเทียบเท่า PEG 0.95 เท่า ต่ำกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันในต่างประเทศ เช่น สหรัฐ และสวีเดน ที่ระดับ PE 28-35 เท่า ทั้งนี้ SAFE มีสถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น และเป็นบริษัทที่มีฐานะเป็น net-cash position
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเป้าหมายที่เหมาะสมของ SAFE ที่ 23.7 บาทต่อหุ้น โดยอ้างอิงจากการวิธีคิดลดกระแสเงินสด ณ สิ้นปี 2024 โดยใช้อัตราคิดลด 8% และอัตราเติบโตระยะยาว 1% โดยมีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ลูกค้าหลักจากจีนและอินเดียที่อาจลดลง และการแข่งขันที่อาจสูงขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามคาดการณ์กำไรสุทธิของ SAFE จะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในปี 2566-2568 ที่ 197 ล้านบาท, 277 ล้านบาท และ 315 ล้านบาท ตามลำดับจากสมมติฐานรายได้เติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปีเป็น 904 ล้านบาท, 1.1 พันล้านบาท และ 1.2 พันล้านบาท ตามลำดับ จากฐานตลาดของลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงความต้องการใช้บริการจากชาวจีนในอนาคต
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit