งูสวัด เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส varicella-zoster โดยผู้ป่วยจะมีผื่นลักษณะเป็นตุ่มน้ำ มีอาการปวดแสบปวดร้อน หรือเจ็บเหมือนของแหลมทิ่มเป็นบริเวณเฉพาะที่ มักขึ้นเป็นแถบด้านใดด้านหนึ่งของลำตัวหรือใบหน้า มีช่วงระยะเวลาการเป็นโรคอยู่ที่ 2-4 สัปดาห์
หลังการติดเชื้อครั้งแรกจะแพร่กระจายมาตามเส้นประสาทรับความรู้สึก (sensory nerve and sensory root) จึงทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทร่วมด้วยเสมอ ไม่มากก็น้อย เพียงแต่จะเกิดชั่วคราวหรือจะเกิดรุนแรงจนเป็นถาวร
อาการปวดประสาทอย่างรุนแรงกับความรุนแรงของแผลที่ผิวหนังมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด กล่าวคือ หากผู้ป่วยมีแผลรุนแรง เป็นบริเวณกว้างและลึกมาก จะตามมาด้วยอาการปวดที่รุนแรง
>>> ในทางการแพทย์แผนจีน อาการของการปวดปลายประสาทหลังจากเป็นงูสวัดจัดอยู่ในขอบเขตของ โรคงูสวัด (???)<<<
สาเหตุและกลไกการเกิดโรค
สาเหตุของการเกิดโรคงูสวัดส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีประวัติเครียด คิดมาก หรือมีพฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่น ทานอิ่มมากเกินไปหรือทานน้อยเกินไป พักผ่อนน้อย ทำให้เกิดภาวะชี่ของตับและม้ามผิดปกติ เกิดเป็นความร้อน เมื่อถูกปัจจัยภายนอกมากระทบ เช่น ลมร้อน ลมเย็น ความชื้น ทำให้เกิดงูสวัดขึ้น
นอกจากนี้ในผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอมักมีภาวะเลือดน้อยตับแกร่ง ทำให้เกิดความร้อนชื้นสะสมภายใน เกิดภาวะ "เลือดคั่งจากชี่ติดขัด" อุดกั้นเส้นลมปราณ ทำให้เกิดอาการปวด ตามทฤษฎี "หากชี่เลือดเดินไม่สะดวกจะทำให้เกิดอาการปวด"
วิธีการรักษางูสวัดโดยวิธีแพทย์แผนจีน
การรักษาแบบการแพทย์แผนจีนจะคำนึงถึงการวินิจฉัยตามกลุ่มอาการของการเกิดโรคเป็นหลัก มีได้หลายวิธี ได้แก่
ซึ่งการรักษาแบบการแพทย์แผนจีนสามารถย่นระยะเวลาการดำเนินของโรคให้สั้นลง บรรเทาอาการปวดได้ทุกระยะโดยไม่มีผลข้างเคียง ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ยิ่งรักษาเร็วยิ่งได้ผลดี และสามารถรักษาควบคู่กับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อผลที่ดียิ่งขึ้นได้ การรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนไม่เพียงแต่รักษาโรคงูสวัดเท่านั้น แต่เป็นการปรับสมดุลร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit