บางจากฯ ร่วมกับ กรมป่าไม้ ชวนปลูก "พืชพรรณปันสุข" แจกกล้าไม้ 9 พันธุ์ 9,000 ต้น ผ่านปั๊มบางจากฯ 9 สาขา และร้านกาแฟอินทนิล 9 สาขา

08 Aug 2022

บางจากฯ ร่วมกับ กรมป่าไม้ ชวนปลูก "พืชพรรณปันสุข" แจกกล้าไม้ 9 พันธุ์ 9,000 ต้น ผ่านปั๊มบางจากฯ 9 สาขา และร้านกาแฟอินทนิล 9 สาขา ร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในวันแม่แห่งชาติ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลกอย่างยั่งยืน

บางจากฯ ร่วมกับ กรมป่าไม้ ชวนปลูก "พืชพรรณปันสุข" แจกกล้าไม้ 9 พันธุ์ 9,000 ต้น  ผ่านปั๊มบางจากฯ 9 สาขา และร้านกาแฟอินทนิล 9 สาขา

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายวันชัย จริยาเศรษฐโชค รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมผู้บริหารบริษัท บางจากฯ และผู้บริหารกรมป่าไม้ ร่วมเชิญชวนประชาชนมารับแจกกล้าไม้ ในโครงการ "พืชพรรณปันสุข" เพื่อนำไปปลูก รวม 9 พันธุ์ จำนวน 9,000 ต้น ซึ่งเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา และวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2565 โดยการสนับสนุนจัดสรรกล้าไม้จากกรมป่าไม้ และใช้พื้นที่ของบางจากฯ โดยจะแจกให้ประชาชนผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจาก 9 สาขา และร้านกาแฟอินทนิล 9 สาขา เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลกอย่างยั่งยืน เริ่มแจก 10-12 สิงหาคม 2565 นี้ จำกัดจำนวนคนละไม่เกิน 2 ต้น

สำหรับพันธุ์กล้าไม้ทั้ง 9 ชนิด เป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นที่ช่วยสร้างร่มเงา ประกอบด้วย ต้นพฤกษ์ ต้นมะขามป้อม ต้นเพกา ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นแคนา ต้นเหลืองปรีดิยาธร ต้นกาสะลอง ต้นจิกน้ำ และต้นหว้า ที่เพาะชำจากสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดสมุทรปราการ ด้านรายชื่อสถานีบริการน้ำมันบางจาก 9 สาขา ประกอบด้วย สาขาวิภาวดีรังสิต สาขาศรีนครินทร์ สาขาราชพฤกษ์ 2 สาขาเกษตร-นวมินทร์ สาขาบางบัวทอง สาขากาญจนาภิเษก กม.19 สาขาชลบุรี สาขาสระบุรี และสาขานครปฐม

ส่วนร้านกาแฟอินทนิล 9 สาขา ประกอบด้วย สาขา KU Green มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาบางจาก สาขารามอินทรา กม.9 ขาออก สาขาโรงเรียนวรรัตน์ศึกษา สาขาไทรอัมพ์ รังสิต สาขาคลองห้าพาเจริญ สาขาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สาขาอ่างศิลา สาขาถนนบ้านเก่า 5 อมตะนคร และสาขาซอยหลวงพ่อโต บางพลี

โครงการพืชพรรณปันสุข มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน โดยนอกเหนือจากความร่วมมือกับพันธมิตรรักษ์โลกในการปลูกต้นไม้เพิ่มเติมที่ดำเนินการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว ยังมอบโอกาสให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมและสามารถเข้ารับการแจกจ่ายต้นกล้าดังกล่าวข้างต้นด้วย

เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลักคือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย และปรับเป็น Niche Products Refinery เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ low emission 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ Non - oil ผ่านธุรกิจต่าง ๆ เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ บมจ. บีซีพีจี และรุกเข้าสู่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และกำลังขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เป็นผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ

นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium

บางจากฯ ได้รับการประเมินจาก S&P Global ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI โดยได้รับ S&P Global Sustainability Award 2022 ระดับ Silver Class และได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating ระดับ AA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดขององค์กรในธุรกิจพลังงานในประเทศไทยที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 มีการตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2050

HTML::image(