ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยตลาดคอนโดมิเนียม ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ผู้พัฒนาฯ เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อไทย

นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 การแพร่ระบาดของ COVID -19 ยังคงรุนแรงและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เป็นปัจจัยลบที่ยังคงกดดันการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ความรุนแรงของโรคระบาดได้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้เกิดความอ่อนไหวของผู้ซื้อที่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ยอดขายอยู่ในอัตราที่ต่ำและผู้ประกอบการต้องเพิ่มต้นทุนส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ยังสามารถประคับประคองธุรกิจให้ไปต่อได้ แต่ผู้ประกอบการรายย่อยอาจจะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่มากขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันพบว่า บางโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสนี้กลับมียอดขายที่โดดเด่นหรือปิดการขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในบริเวณชานเมืองซึ่งเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งตั้งราคาขายที่ต่ำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีรายได้จำกัดได้ตามที่ต้องการ แม้ความกังวลในเรื่องของการควบคุมโรคระบาดที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในปัจจุบัน แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นในการลงทุนพัฒนาโครงการในเชิงบวก ในขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนเพราะต้องเสียเปรียบในด้านเงินลงทุนที่ไม่แข็งแกร่งและอาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยตลาดคอนโดมิเนียม ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ผู้พัฒนาฯ เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อไทย

อุปทาน
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ณ อุปทานตลาดคอนมิเนียมในกรุงเทพมหานครมีจำนวนทั้งสิ้น 2,659 หน่วย จำนวนหน่วยขายใหม่ลดลงในอัตราร้อยละ 33.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลงร้อยละ 26.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยตลาดคอนโดมิเนียม ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ผู้พัฒนาฯ เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อไทย

จำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองอยู่ที่ร้อยละ 72 หรือ 1,915 หน่วย เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึงร้อยละ 22 ในบริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) และบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) คิดเป็นอัตราส่วนที่ร้อยละ 22 และร้อยละ 6 ตามลำดับ แม้ในภาพรวมอุปทานใหม่จะมีจำนวนที่ลดลงแต่อุปทานส่วนมากจะอยู่บริเวณย่านชานเมืองทั้งสิ้นซึ่งเป็นโครงการของกลุ่มบริษัทรายใหญ่ในประเทศ

โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่อยู่ในระดับราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าล้านไปจนถึงล้านต้นๆ หรือประมาณ 30,000-80,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ขณะที่กลุ่มบริษัทรายย่อยกลับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคา 85,000 บาท ต่อ ตารางเมตรขึ้นไป โดยคอนโดมิเนียมระดับเกรดบีคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 43 รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมระดับเกรดซี คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 35 และคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอคิดเป็นอัตราส่วนเพียงร้อยละ 22 ในส่วนคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพร์มพบว่าไม่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ในไตรมาสนี้

อุปสงค์
ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 นี้เป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของโรคระบาดที่เกิดขึ้นอีกครั้งในต้นเดือนเมษายนและยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 993 หน่วย จากอุปทานที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 2,659 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 37.3 อัตราการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 22.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าและอัตราการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว จากอัตราการขายที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากมีโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสนี้ได้มียอดจองเป็น 100% (Sold out) อยู่ที่ประมาณ 730 หน่วยหรือคิดเป็น 73% ของจำนวนหน่วยที่ขายได้ในไตรมาสนี้ โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณชานเมืองและเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งตั้งราคาขายไม่สูงทำให้กลุ่มผู้ซื้อที่เป็น Real Demand และกลุ่ม Investor ให้ความสนใจและใช้เวลาในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วโดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อและมีความเชื่อมั่นต่อชื่อเสียงของผู้ประกอบการอยู่แล้ว

ราคาขาย
ระดับราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานคร ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ จากไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจอยู่ที่ 240,609 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า หรือลดลงในอัตราร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว

ราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมในบริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) อยู่ที่ 116,225 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 21.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า หรือ ปรับตัวลงในอัตราร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว

ส่วนราคาเสนอขายของคอนโดมิเนียมในบริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 64,390 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับตัวลดลงในอัตราร้อยละ 19.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า หรือ ปรับตัวลงในอัตราร้อยละ 6.2 หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า การที่ราคาเสนอขายในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ปรับตัวลดลงเนื่องจากหลายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ได้นำโครงการมาลดราคาเพื่อต้องการปิดโครงการ กลยุทธ์การให้ส่วนลดราคาเพื่อเน้นดึงดูดผู้ที่สนใจซื้ออยู่จริงรวมถึงการฟรีค่าใช้จ่ายทุกอย่างในโครงการยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการนำมาใช้อยู่เพื่อต้องการบริหารการเงินให้มีสภาพคล่องในธุรกิจ

แนวโน้ม
นายณัฎฐา คาดว่า ในระยะเวลา 6 เดือนหลังต่อจากนี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 คาดว่ายังทรงตัว จำนวนโครงการที่เปิดใหม่ในไตรมาสหน้ายังคงชะลอตัว ผู้ประกอบการมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการในไตรมาส 4 มากกว่าไตรมาสที่ 3 ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้และคาดว่าจำนวนโครงการที่เปิดขายใหม่จะมีประมาณไม่เกิน 5,000 หน่วย ความอ่อนไหวของเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคระบาดยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอาจกระทบกับกำลังซื้อของตลาดกลาง-ล่าง รวมถึงความเสถียรภาพทางการเมืองที่ยังแก้ไขไม่ได้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มองไม่เห็นหนทางการเติบโตในด้านการลงทุน เศรษฐกิจอาจต้องยืดระยะเวลาในการฟื้นตัวออกซึ่งจะช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้และมีผลทำให้ผู้ประกอบธุรกิจมีความกังวลต่อผลกระทบดังกล่าว แนวโน้มการเปิดตัวโครงการในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้จะเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่อยู่ประมาณ 70% ของทั้งตลาด เนื่องจากมีการซื้อที่ดินสะสมอย่างต่อเนื่องเพื่อรอการพัฒนา อีกทั้งความสามารถในการบริหารต้นทุนยังมีมากว่าผู้ประกอบการรายย่อยและสามารถพัฒนาที่ดินพร้อมกันได้หลายโครงการ นอกจากนี้หากประเทศได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมถึงปัจจัยในด้านอื่นที่จะสามารถสนับสนุนโดยเฉพาะมาตรการภาครัฐช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศอันจะส่งผลดีที่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้เร็ว


ข่าวไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย+ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยวันนี้

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยชูจุดแข็ง One Stop Service ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ตัวแทนบริหารการขาย และนายหน้าพื้นที่รีเทล

บริษัท มีนำ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Salaya One Soi Tangsin ลงนามแต่งตั้ง บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เป็นที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ตัวแทนบริหารการตลาดและการขายโครงการ Salaya One Residences พร้อมทั้งตัวแทนนายหน้าจัดหาผู้เช่าพื้นที่รีเทล Salaya One Soi Tangsin ซึ่งตัวโครงการเป็นแบบ Mix-Used ที่รวมพื้นที่ที่พักอาศัยและค้าปลีกเข้าด้วยกันเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในย่านศาลายา มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท โดยมี คุณเดชา ตั้งสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มีนำ ดีเวลลอป

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บร... ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยทุบสถิติโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ สูงสุดในครบ 10 ปี — นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย...

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บร... ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมชะอำ-หัวหิน ช่วง 3 ไตรมาสแรก 2561 — นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ก...

ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอ... ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 20ปี เผยทิศทางดำเนินธุรกิจพร้อมเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ — ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นน...

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บร... ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา 9 เดือนแรกของปี 2561 — นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว...

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บร... ไนท์แฟรงค์เผยภาพคอนโดมิเนียมไตรมาส 3 ปี 2561 — นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุง...

จากข้อมูลฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟร... ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเปิดเผยภาพรวมตลาดคอนโดฯ ไตรมาส 2 ปี 2561 — จากข้อมูลฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพช...