World Vision Foundation of Thailand หรือ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ย่างเข้าสู่ปีที่47 กับการเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนร่วมพันธกิจกับองค์กรศุภนิมิตสากล นำโดย ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเด็กอย่างเหมาะสมตามช่วงวัย มุ่งตอบสนองและส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ทั้งเด็กปฐมวัย เด็กในวัยเรียนและการพัฒนาทักษะชีวิตแก่เยาวชน ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินพันธกิจในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในการให้ความช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้จากทุกมุมกว่า 200 ล้านคน ส่งผลให้ต่างประเทศมองปัญหาเด็กยากจนในไทยดีกว่าหลายๆ ประเทศ ทำให้ตั้งแต่ปี 2564 การจัดสรรเงินบริจาคจากต่างประเทศของหลายมูลนิธิไม่มีส่งให้ไทย กระทบมูลนิธิฯ จึงทำให้ต้องเร่งปรับกลยุทธ์การดำเนินพันธกิจระหว่างปี 2564-2566 ใหม่ โดยมิติที่เกี่ยวกับการหาเงินทุน เราต้องพยายามหาแหล่งเงินทุนให้หลากหลาย เช่น เงินสนับสนุนจากทั้งบุคคลและนิติบุคคล ในหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
โดยล่าสุดได้จัดทำ 'โครงการอุปการะเด็ก' ขึ้น เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ครอบครัว และชุมชนยากไร้ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน และนำความอยู่ดีมีสุขให้แก่เด็ก ครอบครัวและชุมชน ที่เขาอาศัยอยู่ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยเงินบริจาคของโครงการ 'อุปการะเด็ก' จำนวน 600 บาทต่อเดือน ทางมูลนิธิศุภนิมิตฯ มีการจัดสรรเพื่อให้ประโยชน์สูงสุดกับเด็กในอุปการะ โดยมีความช่วยเหลือหลัก 3 ด้าน ดังนี้ ส่วนที่ 1 ใช้ในการสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เด็กในอุปการะและครอบครัว เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กในอุปการะจะได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ 2 ใช้แก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่สุดของชุมชน เช่น ดูแลสุขอนามัยของเด็ก ผ่านโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันที่โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนับสนุนการอ่านออกเขียนได้ภาษาไทย ส่วนที่ 3 ใช้ในการทำงานพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจในแนวคิด การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างเครือข่ายการปกป้องดูแลเด็ก ส่งเสริมความรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น สิทธิเด็ก การดูแลเด็ก รวมถึงสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มอาชีพ ซึ่งในปัจจุบัน มีเด็กในการอุปการะในโครงการ 'อุปการะเด็ก' กว่า53,000 คน ซึ่งในปี พ.ศ.2564 เราตั้งเป้าที่จะเพิ่มการช่วยเหลือเด็กยากไร้ไห้ได้อีก จำนวน 51,000 คน และจากการสำรวจข้อมูล ร่วมกับหน่วยงานและผู้นำชุมชนในพื้นที่ ใน 42 จังหวัด ยังพบอีกด้วยว่า มีเด็กเปราะบาง (MVC) กว่า 161,916 คน โดยแบ่งเป็น กลุ่มเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล, เด็กพิการขาดโอกาส, เด็กกำพร้า, เด็กเร่ร่อน, เด็กที่ถูกให้ค้าประเวณี และเด็กด้อยโอกาสในชายแดนภาคใต้ ซึ่งมูลนิธิศุภนิมิตฯ อยู่ในขั้นตอนเร่งดำเนินงานลงไปในพื้นที่ และจะยังคงเดินหน้าเพื่อช่วยเหลือเด็กเพื่อความอยู่ดีมีสุขต่อไป
ซึ่งนอกจากนี้ กลยุทธ์ในการดำเนินงานขององค์กร ในปี 2021-2023 ทางมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มีพันธกิจที่จะดำเนินตามแบบอย่างขององค์พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในการทำงานร่วมกับคนยากไร้และด้อยโอกาส ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้น แสวงหาความยุติธรรม และเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งนอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการระดมทุน เพื่อนำมาช่วยเหลือเด็กเปราะบางยากไร้ ผ่านโครงการพัฒนา 4 โครงการ ที่นับว่าเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินงาน ในปี 2021 อาทิ 1. Early Childhood Development รูปแบบโครงการพัฒนาชีวิตเด็กปฐมวัย ในการสนับสนุนวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายในการดำเนินงานเป็น เด็กอายุ 0 - 6 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในด้านการดูแลเอาใจใส่และด้านการศึกษาอย่างมีคุณภาพ 2. YOUTH DEVELOPMENT (YOUTH+) รูปแบบโครงการพัฒนาชีวิตเยาวชน พัฒนาทักษะชีวิตเชิงประยุกต์สำหรับเยาวชน อายุ 13-18 ปี ให้มีต้นทุนชีวิต และทักษะชีวิต เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ เตรียมความพร้อมสู่การทำงาน 3. Livelihood รูปแบบโครงการเพื่อการดำรงชีวิตเด็ก ครอบครัว ชุมชน โดยสนับสนุนให้เกิดการจัดสรรที่ทำกินทางการเกษตรแก่กลุ่มผู้ปกครองและชุมชน ช่วยให้ครอบครัวเด็กเปราะบาง สามารถดำรงชีวิตได้ และมีอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างเพียงพอตลอดทั้งปีสามารถจัดการชีวิตความเป็นอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 4. Child Protection รูปแบบโครงการการปกป้องคุ้มครองเด็ก มุ่งเน้นการสนับสนุนเด็กหญิงและเด็กชายให้ได้รับการปกป้องคุ้มครอง และมุ่งให้เด็กสามารถปกป้องตัวเอง จากความรุนแรงทุกรูปแบบได้ รวมทั้ง เสริมสร้างกลไกการปกป้องคุ้มครองเด็กในชุมชน และโรงเรียนอีกด้วย ทั้งนี้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้นำแนวทางการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ดังกล่าวข้างต้น มาพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์การดำเนินพันธกิจของมูลนิธิศุภนิมิตฯ ระหว่างปี 2021-2023 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อตอบสนองและช่วยเหลือเด็กที่อยู่ในภาวะเปราะบางยากไร้ ในประเทศไทย จำนวนกว่า 3 ล้านคน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และนับว่าเป็นกระบวนการที่จะนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติ ตามแผนยุทธศาสตร์ของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยในการขับเคลื่อนองค์กรอีกด้วย
ซึ่งกลยุทธ์ในการดำเนินงาน ปี 2021-2023 ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มีพันธกิจหลักโดยการช่วยเหลือเด็กกลุ่มเปราะบางและยากไร้ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นดำเนินงานแก้ไขปัญหาที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชนทั้งระบบ โดยมุ่งเป้าไปที่เด็กเปราะบางพิเศษ อาทิ เด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่, เด็กในครอบครัวยากจนและขาดแคลนอาหาร, เด็กในครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์, เด็กที่ถูกลงโทษทางวินัยด้วยความรุนแรง, เยาวชนที่ออกจากโรงเรียนเพื่อหางานทำ, เด็กที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจากพิบัติภัยร้ายแรง และ เด็กที่มากับแรงงานข้ามชาติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดขององค์กร ในการช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กผู้ยากไร้ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต จำนวน 3 ล้านคน ในปี 2023 นอกจากนี้ ยังได้วางแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ในการระดมทุน และการอุปการะเด็กยากไร้ในวิถีใหม่ New Normal ที่นับว่าเป็นความท้าทายขององค์กร เนื่องจากด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ซึ่งถูกซ้ำเติมด้วยผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 การยกเลิกอุปการะเด็กที่สูงขึ้น และการระดมทุนระดับบุคคล กลุ่มบุคคลผ่าน Social Media คือทางเลือกใหม่ที่ท้าทาย Digital Disruption จึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ในการสื่อสารเพื่อการระดมทุน ในการมุ่งสู่ Digital - Social Media ที่มีความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินการระดมทุนและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ และการทำงานของเราให้มากขึ้น
และจากผลการดำเนินงานตลอดปีที่ผ่านมา มูลนิธิศุภนิมิตฯ สามารถช่วยเหลือเด็กวัยประถมศึกษาอายุ 7-12 ปี ได้มากกว่า 154,000 คน โดยพัฒนาหลักสูตรการอ่านออกเขียนได้ ภายใต้รูปแบบ"โครงการความร่วมมือพัฒนาด้านการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก" (Literacy Hand in Hand) ทั้งยัง มุ่งเน้นให้เยาวชนอายุ 13-24 ปี กว่า 42,000 คน ได้รับการพัฒนาทักษะชีวิต เสริมสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตสำหรับการเติบโตสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีความพร้อมในการศึกษาต่อ ก่อเกิดประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป จึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับเยาวชนเป็นอย่างมาก ผ่านการดำเนินงาน ภายใต้รูปแบบ 'โครงการพัฒนาต้นทุนชีวิตเยาวชนเชิงบวก' (Positive Youth Development Plus) ซึ่งส่วนใหญ่ความสำเร็จของงานพัฒนาไม่ใช่ผลงานของมูลนิธิศุภนิมิตฯ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจากภาครัฐ ร่วมกันสร้างเส้นทางที่ทำให้เกิดความหวังในชีวิต ซึ่งถือว่ามีบทบาทสำคัญในพื้นที่เป็นอย่างมาก เป็นวิธีการทำงานที่เหมือนพี่กับน้อง ขณะเดียวกันก็มีความเคารพในบทบาทหน้าที่ของกันและกันอยู่ด้วยเสมอ และด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพนี้ ก็ส่งผลให้สามารถนำโครงการมาบูรณาการกันเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่มากกว่าการทำโครงการ ๆ หนึ่งสำเร็จ แต่เป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันที่เกิดผลต่อไป
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทรศัพท์ 02-022-9200 ถึง 2 หรือ อีเมล [email protected] LINE: @worldvision-thai และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.worldvision.or.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit