“เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ เมื่อปรากฏกับเราหรือคนใกล้ตัวก็มักจะเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ซึ่งความทุกข์นี้เองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละได้ เพราะความทุกข์นั้นเป็นผล เราจึงทำได้เพียงกำหนดรู้ทุกข์ และเตือนตนเองอยู่เสมอในการละเหตุแห่งทุกข์ให้เบาบางลง เพื่อให้ความสุขได้บังเกิด เรียกว่ารู้เท่าทันสภาวธรรมที่กำเนิดขึ้นตามความเป็นจริง
ด้วยเหตุนี้ในโอกาสที่ “พระเทพปริยัติมุนี” เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม กรุงเทพมหานคร ได้มาแสดงธรรมบรรยายบนเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ จัดโดย บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทยที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 ตามปณิธานองค์กรที่ต้องการร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน ท่านจึงได้มาแนะนำวิธีอยู่กับความจริงที่ต้องเผชิญ เพื่อให้เราทั้งหลายสามารถผ่านพ้นความทุกข์ต่างๆ ที่มีได้
“การได้เกิดเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ งามพร้อมเลิศก็ด้วยธรรมประจำจิต
ถึงต่ำต้อยน้อยค่าราคานิด จงรู้คิดสร้างคุณค่าราคาคน”
มนุษย์ทุกคนย่อมเผชิญทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในความเป็นมนุษย์นี้เองสิ่งสำคัญที่มีก็คือปัญญา ที่จะมาช่วยกำกับให้มนุษย์แต่ละผู้แต่ละคนดำเนินชีวิตแตกต่างกัน ผู้ใดมีปัญญามากก็จะเผชิญสิ่งต่างๆได้ดีและปลอดภัยกว่าผู้ที่ไม่ได้นำปัญญาติดมาในการดำเนินชีวิตด้วย
ปัญญาในภาษาบาลีมีคำว่าโกศลหรือกุศลแปลว่าความฉลาด แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย “อายโกศล” คือปัญญาที่เข้าใจและรู้ถึงเหตุแห่งความเจริญ “อปายโกศล” คือปัญญาที่หยั่งรู้ถึงเหตุแห่งความเสื่อมและ “อุปายโกศล” คือปัญญาที่รู้ถึงเหตุแห่งการต้องปฏิบัติสู่ความเจริญและละความเสื่อมได้ ผู้ใดมีกุศลมากก็จะทำบุญได้เต็มที่ เพราะมิใช่สักแต่ว่าทำ เช่นเดียวกันผู้ใดมีปัญญามาก ก็จะทำสิ่งนั้นๆ ได้ออกมาได้ดีสุด ดังนั้น เราจึงต้องฝึกตนให้เป็นคน “มองให้ถูกทิศ คิดให้ถูกทาง” ในทางพระพุทธศาสนาก็คือต้องตั้งอยู่บนฐานแห่งธรรมะ ผู้ใดมีคุณธรรม ก็จะถูกทุกข์กระทบ ทุกข์ครอบงำน้อย ความสุขจึงมีมากจะพัฒนาสิ่งใดต้องเริ่มที่การพัฒนาตนเองก่อน
“หน้านอกบอกความงาม หน้าในบอกความดี หน้าที่บอกความสำคัญ”
การพัฒนาตนตามแนวทางของท่านเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามนั้น เน้นให้เราเป็นคนมี 3 หน้า เริ่มจาก “หน้านอก” ก็คือบุคลิกภาพ รอยยิ้ม ความแจ่มใส เบิกบาน หน้านอกนนี้ต้องฝึกฝน แม้จะมีรูปลักษณ์งดงามเพียงใด แต่หากปราศจากรอยยิ้ม ปราศจากการดูแลบุคลิกภาพที่เหมาะสมตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงการวางตน ก็จะทำให้กลายเป็นคนไม่น่ามอง ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย เรียกว่าเป็นคนขาดเสน่ห์ก็ว่าได้
ต่อมาคือ “หน้าใน” หมายถึงคุณธรรม ซึ่งต้องหมั่นบรรจุในใจเสมอให้เอิบอิ่มเติมเต็มให้ใจขับเคลื่อนออกมาทางกาย เมื่อใจมีคุณธรรมขับเคลื่อนออกมาทางกาย ทางวาจาแล้ว ก็จะเป็นไปด้วยลักษณะกายที่ดี วาจาที่ดี ผู้ที่มีหน้าในงดงาม จะไม่หาความสุขใส่ตัวเองด้วยการเบียดเบียนคนอื่น
หน้าสุดท้ายคือ “หน้าที่” เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราเป็นคนมีคุณภาพ มีคุณค่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดคนเราทุกคนล้วนมีหน้าที่ แม้จะเป็นสิ่งที่ฝืนใจทำ อึดอัดใจทำ แต่ก็ต้องทำเมื่อสิ่งนั้นเป็นหน้าที่ ถ้าเราสามารถตระหนักรู้ว่าหน้าที่ของเราคืออะไร และใช้สติกำกับให้ปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์ ไม่เพียงแค่เรามีคุณภาพ สังคมที่เราอยู่ก็จะเป็นสังคมคุณภาพเช่นกัน
“วันนี้เราเผชิญกับสภาพพยาธิ คือความเจ็บไข้ท่ามกลางภาวะโควิด -19 ทำเราต้องปรับกระบวนชีวิต แล้วใช้กุศล ใช้ปัญญาเพื่อดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย มีความสุขได้บนสถานการณ์ New Normal เมื่อก่อนเราอาจจะทำตามอัธยาศัย ทำตามชอบ แต่ตอนนี้ต้องปรับเปลี่ยน อาจจะฝืนบ้างในช่วงแรก แต่ถ้าใช้สติกำหนดก็จะทำให้เราไม่ละเลยจากการปฏิบัติ สิ่งนี้เป็นหน้าที่ นานเข้าก็จะกลายเป็นนิสัย ซึ่งไม่เพียงเป็นการป้องกันตัวเอง แต่เป็นความรับผิดชอบทางสังคมด้วย” พระเทพปริยัติมุนี กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้สนใจร่วมฟังธรรมบรรยายดีๆ ในโครงการ “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” สามารถติดตามรับฟังผ่านระบบ live สด ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 12:00-13:30 น. ทางช่องทาง facebook fanpage CPALL และสามารถรับฟังย้อนหลังได้ทางช่องทางเดียวกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit