นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า งาน OTOP City 2019 ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 14 ว่า โดยปีนี้จัดภายใต้แนวคิด "เทศกาลของขวัญปีใหม่ ของฝากถูกใจ ผลิตภัณฑ์ทั่วไทยรวมไว้ใน OTOP City 2019" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนไทยได้ซื้อหาของขวัญของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์อันมีค่าจากฝีมือคนไทย ทั้งนี้การพัฒนาสินค้า OTOP เป็นสิ่งที่รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง และจะสนับสนุนช่องทางการตลาดด้าน E-Commerce Online ให้มากขึ้น โดยการเชื่อมประสานแบบบูรณาการกับภาคเอกชน ประชารัฐ องค์การตลาด และส่วนราชการ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนและผลักดันยอดจำหน่ายสินค้า OTOP ให้ถึงเป้าหมาย 300,000 บาทในไม่ช้า
ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วน มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้ามากกว่า 2,500 บูท ผลิตภัณฑ์ OTOP มากกว่า 20,000 รายการ ทั้งนี้ ในการจัดงานทุกครั้งที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทยมักมียอดจำหน่ายสูงสุด ดังนั้น กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ รณรงค์ให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทยให้มากขึ้น ซึ่งหากคนไทยเพียง 35 ล้านคน สวมใส่ผ้าไทย เฉลี่ยคนละ 10 เมตร เมตรละ 300 บาท จะมีการใช้ผ้าไทยถึง 350 ล้านเมตร คิดเป็นเงินกว่า 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ภายในงานยังมีโซน OTOP Lady ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเอาใจสาวนักช้อปที่มีเวลาน้อยให้ "ช้อปสินค้าได้ครบ จบในที่เดียว" ซึ่งภายในโซนจะมีทั้งเสื้อผ้า (ผ้าผืน / เสื้อผ้าสำเร็จรูป) กระเป๋า รองเท้า หมวก เครื่องประดับ (เครื่องทอง-เงิน เพชรพลอย มุก ลูกปัด ฯลฯ) และเครื่องสำอาง เป็นต้น
ส่วนกระแสตอบรับจากผู้เข้าชมงาน 2 วันแรกได้274 ล้านบาทแบ่งเป็นวันแรก (15 ธ.ค.62) สร้างยอดจำหน่ายแล้วกว่า 153 ล้านบาท ส่วนวันที่ (16 ธค.62) ทำยอดขายได้121 ล้าน สำหรับบรรยากาศภายในงานวันเปิดงาน ซึ่งเป็นวันที่สองของการจัดงาน มีประชาชนที่สนใจเข้าชมงานและเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก โดยภายในงาน มีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย 1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ภายใต้แนวคิด "จิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ" 2. การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP 5 ประเภท 3. กิจกรรม Highlight ได้แก่ โซนของขวัญปีใหม่ โซนหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี โซน OTOP Masterpiece โซนผลิตภัณฑ์ที่ชนะการประกวด Knowledge based OTOP (KBO) และโซนตัดเย็บเสื้อผ้า 4. การจัดนิทรรศการของหน่วยงานภาคี ที่ขับเคลื่อนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ร่วมกัน 5. กิจกรรมการบริการ เช่น ธนาคาร/ไปรษณีย์, Health & Spa, บริการห่อของขวัญ และ 6.OTOP ชวนชิม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงมินิคอนเสิร์ต กิจกรรมสินค้านาทีทอง กิจกรรมจับรางวัลชิงโชค เพียงช้อปครบทุก 1,000 บาท ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ทุกวัน ๆ ละ 10 เส้น รวม 90 รางวัล วันสุดท้ายลุ้นรับรางวัลใหญ่ สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 5 รางวัล มูลค่า 500,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับไฮไลน์ที่สร้างความฮือฮาให้กับประชาชนมากที่สุดคือ การโชว์ "เรือสุพรรณหงส์จำลอง" เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ "งานสืบสานศิลป์ สู่แผ่นดินทอง สุพรรณหงส์จักสาน "ซึ่งมูลค่าสูงถึง 1,999,9999 บาท โดยเรือดังกล่าวเป็นของนพดล สะดวกดี ชาวอำเภออินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เป็นเรือที่ผลิตจากไม้สักทอง ไม้แท่นมะขามไม้ไผ่สีสุกโดยใช้หวายหอมนำมาสานเป็นส่วนต่างๆที่เป็นงานเติม คือและสลักงานชิ้นนี้เป็นการย่อมาจากองค์จริงเทียบอัตราส่วน 1 เท่า 10 เท่าลำจำลองมีความยาว4.66 เมตร กว้าง 0.317 น้ำลึก 0.94 M (94 ซม)
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit