กรมประมง เตรียมประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2563 ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ระหว่างวันที่ จังหวัดภูเก็ต เมษายน – 3การบริหารจัดการ มิถุนายน 2563 เผยผลการศึกษาพบมาตรการฯ ที่บังคับใช้ เหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลการแพร่กระจายของสัตว์น้ำ สามารถคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงได้อย่างยั่งยืน
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายนของทุกปี ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความยั่งยืนที่กรมประมงได้มีการประกาศใช้มาอย่างยาวนานกว่า 35 ปี (เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2528) โดยได้มีการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะของทรัพยากรสัตว์น้ำ สิ่งแวดล้อม และสังคม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจากสถิติการเก็บข้อมูลทางวิชาการ จำนวน และความหลากหลายของชนิดพันธุ์ของสัตว์น้ำพบว่ามีจำนวนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งมาจากด้วยเหตุปัจจัยหลายด้าน ทั้งความเสื่อมโทรมของแหล่งทรัพยากรสัตว์น้ำ สภาพแวดล้อม ความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้ง อาจจะมีเรือประมงที่ใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ด้วย ประกอบกับจากการติดตามสภาวะทรัพยากรสัตว์น้ำในแต่ละปีหลังจากมาตรการปิดอ่าวพบว่าลูกพันธุ์สัตว์น้ำที่เกิดขึ้นในช่วงมาตรการ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นต้นเหตุของปริมาณสัตว์น้ำที่ลดจำนวนลงทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2561 กรมประมง จึงได้มีการออกประกาศ ลงวันที่ 22 มีนาคม 2561 เพื่อกำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในมาตรการปิดฝั่งทะเลอันดามันให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยพื้นที่การประกาศใช้มาตรการฯ ครอบคลุมพื้นที่ 5,000 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรังตั้งแต่ปลายแหลมพันวา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ถึงปลายแหลมหยงสตาร์ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ระยะเวลา 90 วัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปี และได้กำหนดชนิดของเครื่องมือประมงซึ่งไม่กระทบกับพันธุ์สัตว์น้ำในช่วงประกาศใช้มาตรการฯ ให้สามารถใช้ทำการประมงได้ ดังนี้
ทั้งนี้ การทำการประมงโดยใช้เครื่องมือในข้อ 3 4 5 6 และ 7 จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 และจะต้องไม่เป็นเครื่องมือที่ห้ามใช้ทำการประมง ตามมาตรา 67 69 หรือ 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558
หากผู้ใดฝ่าฝืนจะเป็นความผิดตามตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสามสิบล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย
อธิบดีกรมประมง...กล่าวในตอนท้ายว่า ที่ผ่านมา กรมประมงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในการปฎิบัติกฎหมายในมาตรการปิดอ่าวทะเลอันดามัน จนกระทั่งท้องทะเลค่อยฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ดังเช่นแต่ก่อน โดยดูได้จากผลการศึกษาของกรมประมง พบว่า ทรัพยากรสัตว์น้ำในกลุ่มปลาหน้าดิน เช่น ปลาเก๋า ปลาใบขนุน ปลากระเบน ปลาจักรผาน ปลาเห็ดโคน ปลาตะเภาข้างลาย ปลาสาก ปลาจวด และ ปลาครืดคราด ฯลฯ มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น ผนวกกับข้อมูลของการแพร่กระจายของสัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับพื้นที่และช่วงเวลาของการประกาศใช้มาตรการฯ จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่ามาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน นั้นมีส่วนช่วยทำให้ประชากรสัตว์น้ำเพิ่มจำนวนมากขึ้นและช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องทะเลได้ อีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องของความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจ เมื่อภาครัฐดำเนินการและภาคประชาชนขานรับให้การสนับสนุน การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำจะเกิดความสมดุลของกำลังการผลิตจากธรรมชาติ เกิดความสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ และเกิดความยั่งยืนของการประกอบอาชีพประมง ถึงแม้ในปีนี้ กรมประมงจะไม่ได้ประกอบพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2563 เนื่องจากการเกิดสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 แต่การใช้มาตรการตามประกาศฯ ยังคงเป็นไปตามเดิม จึงขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมงปฏิบัติตามกฎหมายและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ภาครัฐด้วย....อธิบดีฯ กล่าว
นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากการปฏิรูปภาคการประมงของไทยในยุคปัจจุบันที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืนโดยชุมชน ควบคู่ไปกับความมั่นคงในการประกอบอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของพี่น้องเกษตรกรชาวประมง ตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมประมง โดยการขับเคลื่อนของนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง ได้ผลักดันโครงการต่างๆ ในพื้นที่มากมาย ในทุกมิติ ทั้งด้านการส่งเสริมและการแก้ปัญหาประมง อาทิ การเพาะ
เกษตรฯ - พาณิชย์ สร้างความเชื่อมั่นสินค้าสัตว์น้ำไทย จับมือแม็คโครรับซื้อกุ้งกระจายทุกสาขาช่วยเกษตรกร
—
วันที่ 30 ธันวาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอ...
อธิบดีกรมประมง...ย้ำชัด "สัตว์น้ำ" ปลอดภัยไร้โรค "โควิด-19" แจงผู้บริโภคให้วางใจ...เน้นสุขอนามัยในการรับประทาน
—
นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผ...
มอบพันธุ์ปลากะพงขาว
—
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง และผู้บริหารกระทรวงเกษตร...
กรมประมง จับมือ ม.แม่โจ้ ลงนามบันทึกข้อตกลงทางวิชาการ ผนึกกำลังสร้างความเข้มแข็งของทรัพยากรบุคคลในภาคการประมง
—
วันที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลา 09.00 น. ณ ห้อง...
พายุถล่มต่อเนื่อง...ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อ่วม ! เสียหายกว่า 7.5 ล้านบาท เรือตรวจกรมประมง...เร่งนำเรือช่วยเหลือประชาชน - แจกถุงยังชีพ
—
จากสถานการณ์ฝนตกหน...
กรมประมงคว้า 3 รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 63
—
กรมประมงได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2563 จำนวน 3 รางวัล ใน 2 สาขา คือ สาขาบริการภาครัฐ จำนวน 1 รางวัล ...
โออาร์ ร่วมกับ กรมประมง เปิด “พื้นที่ปันสุข” ให้เกษตรกรจำหน่ายกุ้งก้ามกรามที่ พีทีที สเตชั่น
—
ขอเชิญชวนร่วมอุดหนุนเกษตรกร เลือกซื้อกุ้งก้ามกรามสดในราคาพิ...