ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพ
การผลักดันมาตรการเพื่อช่วยเหลือ
ทีวีดิจิทัล โดยการนำคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ไปจัดสรรให้กับค่ายมือถือพร้อมเงื่อนไขให้ผ่อนค่าคลื่น 9ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz โดยไม่คิด
ดอกเบี้ยเลยนั้น อาจดูราบรื่นเพราะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แต่ในคำสั่ง คสช. กำหนดให้
สำนักงาน กสทช. ออกหลักเกณฑ์ต่างๆ อีกไม่น้อย ทำให้เกิดคำถามทางกฎหมายตามมาในหลายประเด็น คำถามที่น่าสนใจที่มีการหยิบยกมากล่าวถึง ได้แก่
ทีวีดิจิทัล. "การใช้มาตรา 44 ทำให้ทุกฝ่ายไม่ต้องรับผิดตามกฎหมายจริงหรือไม่" แม้คำสั่งตามมาตรา 44 จะได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย แต่หลักเกณฑ์ที่ออกตามคำสั่งอาจไม่ได้รับความคุ้มครองด้วยโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่หลักเกณฑ์ออกโดยใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบ จะต้องมีผู้รับผิดทางกฎหมายหรือไม่ และแม้ว่าคำสั่ง คสช. จะให้เลขาธิการ กสทช. มีอำนาจวินิจฉัยและให้ถือเป็นที่สุด แต่มิได้หมายความว่า หากวินิจฉัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือทำให้รัฐเสียหาย จะสามารถอ้างมาตรา 44 เป็นเกราะกำบังได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ดอกเบี้ย. "ค่ายมือถือค่ายใดมีสิทธิขอรับการจัดสรรคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz เพื่อผ่อนชำระค่าคลื่น 9ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz" ในคำสั่ง คสช. ได้ระบุเจตนาชัดเจนว่า เพื่อจัดการปัญหาความสามารถชำระค่าคลื่นตามกำหนด และตามข้อ 5 ของคำสั่งระบุให้ผู้ชนะการประมูลคลื่น 9ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ชำระเงินตามเงื่อนไขการประมูลเดิม แต่หากไม่สามารถชำระได้ จึงให้แจ้งสำนักงาน กสทช. ตามข้อ 6 กรณีค่ายมือถือที่ไม่มีปัญหาผลประกอบการและยังมีเงินปันผลเป็นจำนวนมาก ย่อมไม่ใช่กรณีตามข้อ 6 หากมาขอใช้สิทธิทั้งที่รู้ว่าไม่เข้าเงื่อนไข อาจเข้าข่ายการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และในกรณีที่ทำให้ผลประโยชน์ของรัฐเสียหาย ก็ย่อมต้องรับผิดทางกฎหมายต่อไป ในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่พิจารณาให้มีการผ่อนชำระโดยไม่เข้าเงื่อนไขตามคำสั่ง ก็คงต้องรับโทษตามกฎหมายเช่นกันใช่หรือไม่ เพราะคำสั่งดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ให้ชำระค่าคลื่นตามเดิม ยกเว้นกรณีไม่สามารถชำระได้ จึงมีสิทธิขอผ่อนผัน
สำนักงาน. "เอกชนที่มีเจตนาใช้สิทธิทั้งที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายและทำให้รัฐเสียประโยชน์ ผู้บริหารจะมีความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ด้วยหรือไม่" หน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรณีการดำเนินการโดยขาดความรอบคอบ ไม่ระมัดระวัง หรือไม่ซื่อสัตย์ และไม่เป็นไปตามกฎหมาย โดยทำให้รัฐเสียหายจะเป็นความผิดและมีโทษประการใด และกระทบต่อภาพลักษณ์ธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียนหรือไม่ รวมถึงจะกระทบต่อการดำเนินการในตลาดหลักทรัพย์และนักลงทุนหรือไม่ อย่างไร
4. "มีช่องรายการทีวีดิจิทัลใดได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ตามข้อ ทีวีดิจิทัลดอกเบี้ย (ทีวีดิจิทัล) ของคำสั่งบ้าง" เนื่องจากในคำสั่งข้อ ทีวีดิจิทัลดอกเบี้ย กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นว่า ช่องรายการทีวีดิจิทัลที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระค่าคลื่นงวดท้ายๆ และได้รับการสนับสนุนค่าเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ด้วย ต้องเป็นช่องที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ซึ่งจำแนกเป็น ดอกเบี้ย ธุรกิจย่อย คือช่องรายการและผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ ในกรณีที่ไม่ได้รับผลกระทบย่อมไม่ได้รับสิทธิตามข้อ ทีวีดิจิทัลดอกเบี้ย ใช่หรือไม่ การพยายามเหมารวมว่าทุกช่องรายการได้รับผลกระทบโดยไม่มีการพิสูจน์นั้น อาจเป็นการใช้ดุลพินิจที่ทำให้รัฐเสียหายหรือไม่ เพราะการเตรียมคลื่นย่าน 5ทีวีดิจิทัลประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา-79ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz เพื่อรองรับช่องรายการทีวีดิจิทัลที่ผ่านมานั้น สำนักงาน กสทช. ระบุว่ามีเป้าหมายให้รองรับได้ถึง 48 ช่องรายการ การที่จะบีบคลื่นลง 9ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ช่องทีวีดิจิทัลหลักที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ยังสามารถให้บริการได้ตามสิทธิเดิม ประชาชนเพียงแต่ต้องปรับจูนเครื่องรับโทรทัศน์ก็สามารถรับชมได้ตามปกติ แต่ช่องรายการที่ได้รับผลกระทบจริงคือช่องรายการที่ยังไม่เกิด อย่างเช่น ทีวีชุมชนหรือทีวีสาธารณะ
นอกจากคำถามสำคัญเหล่านี้แล้ว ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการตั้งราคาคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ซึ่งปรากฏข่าวในสื่อมวลชนต่างๆ ว่า สำนักงาน กสทช. จะจัดสรรคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz โดยแบ่งคลื่นเป็น สำนักงาน ชุด ชุดละ ดอกเบี้ยxทีวีดิจิทัล5 MHz ราคาชุดละประมาณ ดอกเบี้ย5,ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ล้านบาท ผ่อนชำระ ทีวีดิจิทัลประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ปีโดยไม่มีดอกเบี้ย ระยะเวลาอนุญาต ทีวีดิจิทัล5 ปี ซึ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ประเมินว่า เท่ากับมูลค่าปัจจุบันเพียง ทีวีดิจิทัล5,ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ล้านบาทเท่านั้น และไม่เหลือคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ไว้จัดสรรให้กับรายอื่นได้อีกเลย เท่ากับเป็นการปิดกั้นการแข่งขัน
เมื่อคำนวณราคาคลื่น ดอกเบี้ย5,ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ล้านบาท จะเท่ากับราคาคลื่นต่อเมกะเฮิรตซ์ต่อจำนวนประชากรเพียง ทีวีดิจิทัลดอกเบี้ย บาท แต่หากคำนวณที่มูลค่าปัจจุบัน ทีวีดิจิทัล5,ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ล้านบาทจะเหลือเพียง 7 บาท ในขณะที่ราคาชนะประมูลคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ต่อเมกะเฮิรตซ์ต่อจำนวนประชากรในอิตาลีอยู่ที่ ดอกเบี้ยประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา บาท ในออสเตรเลียอยู่ที่ ดอกเบี้ย5 – 55 บาท ในสวีเดนประมาณ ทีวีดิจิทัล6 บาท
ทำไมประเทศไทยจึงปล่อยให้เกิดการผูกขาดตลาดด้วยราคาคลื่นที่ต่ำจนเหลือเชื่อ ประโยชน์จากการผูกขาดตลาดจะสร้างผลตอบแทนให้กับเอกชนมหาศาล เงินค่าคลื่นที่ผ่อนให้รัฐในแต่ละปีคงจะน้อยกว่าเงินปันผลสำหรับผู้ถือหุ้นเสียอีก จึงไม่น่าแปลกใจที่สำนักงาน กสทช. จะมั่นใจว่า ค่ายมือถือหลักทั้งสามจะมาขอรับการจัดสรรคลื่น 7ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ในครั้งนี้
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการผูกขาดตลาด เราอาจจัดสรรคลื่นให้เป็นชุดละ ดอกเบี้ยxทีวีดิจิทัลประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz ก็จะเหลือคลื่นไว้อีก ดอกเบี้ยxทีวีดิจิทัล5 MHz สำหรับเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ และสามารถปรับราคาคลื่นต่อเมกะเฮิรตซ์ต่อจำนวนประชากรให้ใกล้เคียงกับราคาในต่างประเทศ รัฐก็จะยังคงได้เม็ดเงินจากการจัดสรรคลื่นในรอบนี้เท่าเดิม โดยที่ยังคงมีคลื่นเหลือให้จัดสรรในโอกาสต่อไป ส่วนผู้ประกอบการทั้งสามรายต่างก็มีคลื่น 9ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศาประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา MHz อยู่เดิม เมื่อรวมแล้วยังคงเพียงพอที่จะให้บริการได้
นอกจากนั้น การให้ผ่อนค่าคลื่นเป็นเวลานาน เท่ากับเป็นการลดราคาคลื่นตามมูลค่าปัจจุบัน ประโยชน์ที่รัฐจะได้รับก็จะลดลงไป ตามหลักการจัดสรรคลื่นแล้ว ต้องทำให้ค่าคลื่นเป็นต้นทุนจม คือการจ่ายครั้งเดียวหรือน้อยครั้งที่สุด การยืดระยะเวลาการผ่อนจะทำให้ค่าคลื่นกลายเป็นต้นทุนดำเนินการซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภครุนแรงกว่าต้นทุนจม แต่หากจะยืนยันการจัดสรรตามข่าว โดยอ้างอำนาจตามมาตรา 44 ก็จะไม่ต่างจากการใช้มาตรา 44 ในการเอื้อประโยชน์เอกชนอย่างสุดกำลังหรือไม่
ในส่วนคำถามทางกฎหมายทั้งหลายนั้น หากยังไม่มีผู้ใดตอบ ก็จะเป็นระเบิดเวลาสำหรับอนาคต เพราะการทำให้ผลประโยชน์ของรัฐเสียหายนั้น เมื่อความผิดสำเร็จก็มีอายุความอีกหลายปี หน่วยงานตรวจสอบและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐสามารถหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาดำเนินคดีเมื่อใดก็ได้ภายในอายุความ โดยอาจเฝ้ารอเวลาของการเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่ระบอบที่การตรวจสอบถ่วงดุลทำงานได้ตามปกติ ไม่ถูกกดทับด้วยอำนาจพิเศษ