เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ผนึก สมาคมการพิมพ์ไทย และสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ชี้ 3 ปัจจัยสนับสนุนอุตสาหกรรมการพิมพ์ และการบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก ได้แก่ 1. การขยายตัวดิจิทัลแพคเกจจิ้งหนุนการเติบโตอุตสาหกรรมการพิมพ์ 2. แนวโน้มทิศทางการลงทุนเทคโนโลยีการพิมพ์ 3. โอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมจากเทคโนโลยี โดยในปี 2561 มูลค่าอุตสาหกรรมการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์รวมกว่า 3 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นอุตสาหกรรมการพิมพ์ราว 40% และการบรรจุภัณฑ์ 60% และขณะที่ในปี 2562 คาดการณ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัว 2% และอุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มขยายตัว 10 - 20% โดยได้รับอานิสงค์จากกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง และนโยบายกระตุ้นอุตสาหกรรมจากภาครัฐ พร้อมเตรียมจัด "แพ็ค พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล" งานแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์ จากกว่า 300 บริษัท 25 ประเทศชั้นนำทั่วโลก ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 18 – 21 กันยายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาคุณเบียทริซ เจ โฮ ผู้อำนวยการโครงการ "แพ็ค พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล 2019" เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย (เอ็มดีเอ) กล่าวว่า การพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ได้รับการประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังคงเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าทางอุตสาหกรรมได้อย่างมหาศาล ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงและความเคลื่อนไหวด้านเทคโนโลยี ดังกล่าว ทั่วโลก 3 ปัจจัยระดับมหภาคที่สำคัญ ซึ่งช่วยสนับสนุนสถานการณ์อุตสาหกรรม ดังกล่าว ได้แก่
1. การขยายตัวของดิจิทัลแพคเกจจิ้งหนุนการเติบโตอุตสาหกรรมการพิมพ์ รายงานอนาคตของเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลสำหรับบรรจุภัณฑ์ถึงปี 2565 ของบริษัท สมิธเธอร์ส ไพร่า (Smithers Pira) บริษัทชั้นนำของโลกด้านการพิมพ์พบว่าตลาดบรรจุภัณฑ์ดิจิตอล ทั้งด้วยการพิมพ์อิงค์เจ็ทและโทนเนอร์ ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มวัสดุที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่กระดาษลูกฟูก กล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว บรรจุภัณฑ์ชนิด Direct-to-Shape และการพิมพ์โลหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการพิมพ์ดิจิทัลกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างกระแสรายได้ใหม่ๆ จากการใช้เทคโนโลยีตอบสนองความต้องการด้านอารมณ์ของผู้บริโภค
2. มีแนวโน้มทิศทางการลงทุนเทคโนโลยีการพิมพ์ เทคโนโลยีการพิมพ์ได้รับการลงทุนเพื่อรองรับการผลิตใหม่ๆ ในปี 2562 อาทิ โฆษณา ได้แก่ เครื่องพิมพ์พร้อมตัดดิจิทัลโทนเนอร์ 29% และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้างชนิดพร้อมตัวตัดและม้วน 19% บรรจุภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทชนิดป้อนแผ่น 27% และเครื่องพิมพ์เฟล็กโซ 25% การพิมพ์เฉพาะทาง ได้แก่ เครื่องพิมพ์พร้อมตัดดิจิทัลโทนเนอร์ 27% และเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้างชนิดพร้อมตัวตัดและม้วน 23% และสิ่งพิมพ์ ได้แก่เ ครื่องพิมพ์พร้อมตัดดิจิทัลโทนเนอร์ 30% และเครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทชนิดป้อนแผ่น 29% ซึ่งจากเทรนด์การลงทุนดังกล่าว ทำให้ภาพรวมอุตฯ ปี 2562 ส่อแววสดใส จากการที่ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการพิมพ์ใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
3. โอกาสสร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมจากเทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการปรับแต่งการใช้งานที่หลากหลาย โรงงานและผู้ประกอบการ ได้พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันในการผลิตตอบโจทย์ตลาดมากยิ่งขึ้น ระยะเวลาการผลิตไวขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงกระบวนการผลิตแบบใหม่ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้
จากปัจจัยด้านความทันสมัย การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เฉพาะตัวมากขึ้น และเน้นสะดวกสบายในการใช้งาน และตลาดซื้อขายออนไลน์ที่เติบโตก้าวกระโดด ส่งผลให้อุตสาหกรรมการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด มีสัดส่วนรายได้ 42% จากรายได้ทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าจะติดอันดับตลาดที่เติบโตเร็วเป็นอันดับ 2 ในปี 2563 รวมถึงครองสัดส่วนของตลาดที่มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์มากถึง 40% ในปี 2565
ทั้งนี้ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ร่วมกับ สมาคมการพิมพ์ไทย และสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย เตรียมจัดงาน "แพ็ค พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล 2019" มหกรรมจัดแสดงสินค้า และเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ที่รวมรวมมาจากกว่า 25 ประเทศชั้นนำทั่วโลก เพื่อเร่งการเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ประเทศไทยกำลังมองหา รวมถึงจุดเด่นของงาน กับบริการแมทชิ่ง และให้คำปรึกษา ระหว่างคู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการรายย่อย และอุตสาหกรรมไทย โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่าง 18 – 21 กันยายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เบียทริซ กล่าวสรุป
นายมานิตย์ กมลสุวรรณ นายกสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์มีกำลังการผลิตในประเทศสูงถึง 5.83 ล้านตันในปีที่ผ่านมา โดยแบ่งสัดส่วนวัสดุการผลิตจากกระดาษ 37.74% แก้ว 30.05% พลาสติก 24.34% และโลหะ 7.87% และคาดว่าสิ้นปี 2562 จะยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากนโยบายกระตุ้นการลงทุนจากทางภาครัฐ และคาดว่าสิ้นปี 2562 จะมีมูลค่าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 10 – 20%
นายมานิตย์ กล่าวเพิ่มว่า ด้านนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต ทำให้ภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ยังเป็นปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากประเทศไทยสามารถเข้าถึงวัตถุดิบการผลิตได้ง่าย และผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของตลาดส่งออก ขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์เพื่อการถนอมคุณภาพ ยืดอายุการเก็บรักษาของอาหาร ควบคู่นโยบายภาครัฐในเรื่องมาตรฐานบรรจุภัณฑ์และฉลาก ทำให้ผลิตภัณฑ์ต้นน้ำจากในประเทศ มีคุณภาพมตราฐานระดับสากล และมีความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
อย่างไรก็ดี นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ จะเป็นข้อท้าทายหนึ่งที่สร้างการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์ไทย โดยคาดว่าในช่วงทศวรรษข้างหน้า อุตสาหกรรมการบรรจุภัณฑ์จะมีการพัฒนาครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอิทธิพลจากเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัล ดังนั้น ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้ผลิตในประเทศ ควรปรับทิศทางธุรกิจให้เท่าทันสถานการณ์ตลาดการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ดิจิทัล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ผลิตภัณฑ์ที่น่าดึงดูด ประหยัดต้นทุน สร้างความยั่งยืนในตลาดที่มีการแข่งขันในระดับสูงยิ่งขึ้นไปอีก นายมานิตย์ กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นายพงศ์ธีระ พัฒนพีระเดช นายกสมาคมการพิมพ์ไทย เผยว่า ตัวเลขมูลค่าอุตสาหกรรมการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ไทยในปี 2561 มีมูลค่าร่วม 3 แสนกว่าล้านบาท โดยคิดเป็นอุตสาหกรรมการพิมพ์ราว 40% และการบรรจุภัณฑ์ 60% และในปี 2562 ตลาดการพิมพ์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัว 2% เนื่องจากนักลงทุนยังให้ความสนใจประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่รายล้อมด้วยประชาคมอาเซียน ที่มีจำนวนผู้บริโภคสูงกว่า 600 ล้านคน
นายพงศ์ธีระ กล่าวเพิ่มว่า อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ยังมีการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่พร้อมต่อการผลิตรับดีมานด์ดังกล่าว เช่น บริษัทผู้ผลิตกว่า 5,875 แห่งทั่วประเทศ และนิคมอุตสาหกรรมสินสาครบนพื้นที่กว่า 1,579 ไร่ ซึ่งประกอบด้วยโรงงานผลิตในทุกช่วงห่วงโซ่อุตสาหกรรมการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ ที่มีศักยภาพในการผลิตได้แบบครบวงจร และสามารถลดต้นทนการผลิตได้ไปพร้อมกัน ส่งผลให้โรงงานผู้ผลิตในไทยสามารถผลิตสินค้าที่หลากหลาย ได้คุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม ในราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดโลก เมื่อพูดถึงโอกาสการเติบโต และการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ และกระดาษในประเทศ สมาคมการพิมพ์สนับสนุนให้โรงงานและผู้ประกอบการตอบรับเทรนด์การผลิตที่น่าสนใจ อย่าง การผลิตคุณภาพสูง การพิมพ์ไฮไฟ (High-fidelity) การพิมพ์ลูกผสมบนหลากหลายวัสดุ (Hybrid) ระบบการสั่งการอัตโนมัติ และโรงงานอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองแนวคิด "แพคเกจจิ้ง 4.0" รวมถึงปรับใช้การพิมพ์ดิจิทัล และกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเองยังมีปัจจัยกระตุ้นการลงทุนจากภายนอกเพื่อให้ประเทศเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญ ทั้งการเป็นประเทศที่สามารถผลิตเยื่อกระดาษ และกระดาษได้ในประมาณมาก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ความพร้อมด้านแรงงาน ร่วมไปกับนโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐ อาทิ มาตรการจูงใจทางภาษีอากร และสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษีอากร สำหรับโครงการที่ตรงตามวัตถุประสงค์การพัฒนาประเทศ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นต้น นายพงศ์ธีระ กล่าวทิ้งท้ายรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.pack-print.de หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ PackPrintInternational
เกี่ยวกับ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย
บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด เป็นบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้าภาคธุรกิจอุตสากรรมชั้นนำของโลก เริ่มก่อตั้งศูนย์กลางดำเนินงานในประเทศสิงค์โปรขึ้นในปี 2538 และนับว่าเป็น 1 ในบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับชั้นนำ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะส่งมอบแพลตฟอร์มงานจัดแสดงสินค้าที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงและการแลกเปลี่ยนความรู้ และโอกาสในการสร้างเครือข่ายธุรกิจ ด้วยความเชี่ยวชาญและกระบวนการที่สร้างสรรค์ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด สามารถพัฒนาและสร้างธีมเพื่อนำทางสู่โอกาสทางการค้าและการลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เกี่ยวกับ "แพ็ค พริ้นอินเตอร์เนชั่นแนล 2562"
งาน "แพ็ค พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล 2019" หรืองานแสดงเทคโนโลยีด้านการบรรจุภัณฑ์และการพิมพ์แห่งเอเชีย ครั้งที่ 7 เกิดจากความร่วมมือของ เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย สมาคมการพิมพ์ไทย และสมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Shaping the future of packaging and printing in Asia" โดยกลุ่มผู้ขับเคลื่อนมหกรรมสินค้าชื่อดังอย่างดรูป้า และอินเตอร์แพค โดยกลุ่มเมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ ผู้ร่วมงานจะได้พบกับเทคโนโลยี และนวัตกรรม การพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ จากผู้ออกแสดงสินค้าชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 300 แห่ง 25 ประเทศ ในกลุ่มประเทศจากประเทศเยอรมัน ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย จีน รวมถึงแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิ HP Heidelberg Konica Minolta Riso Fujifilm Ricoh Bobst KURZ Zund Duplo Sansin Selic Corp PMC เป็นต้น
เพื่อสะท้อนเทรนด์และความเคลื่อนไหวในวงการ แพ็ค พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล 2019 แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซนพาวิเลี่ยนครบวงจร โซนการพิมพ์ฉลาก โซนการขนถ่ายวัสดุและระบบอัตโนมัติ และโซนจัดแสดงต้นแบบผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งวงเสวนาแลกเปลี่ยนทิศทางความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอด 4 วันของการจัดแสดง ผู้เข้าชมจะได้ติดตามข้อมูลที่น่าสนในวงการการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์ อาทิ การพิมพ์บรรจุภัณฑ์ การพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก การพิมพ์ดิจิทัล การพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ การพิมพ์ขนาดใหญ่ บรรจุภัณฑ์อ่อนตัว และระบบโรโบติกส์ ฯลฯ งานดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 21 กันยายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC Bangna) กรุงเทพฯ