โดยผลงาน เดซซีส หรือเทพธิดา (Deesses) ได้มีการนำไปแสดงที่ เลอ ปวง คอมมอง เมืองอานซี ประเทศฝรั่งเศส ในปีพ.ศ. 2560 บทที่ 4 เป็นการเปิดตัวงานใหม่ล่าสุดที่นำเอางานเซรามิค งานศิลปะติดตั้ง และวิดิทัศน์ที่จะเจาะลึกทางความคิดของตัวตนและการแบ่งแยก เป็นรูปแบบที่เห็นประจำในงานของลูเค็ท
การฝึกฝนของลูเค็ทมักจะเป็นการลงทุนด้านการอ่านหนังสือและการทำวิจัยเกี่ยวกับงานของนักคิดสมัยใหม่ อย่าง ฟูโก (Michel Foucault), นีทเชอ (Friedrich Nietzsche), เดอเลิซ (Gilles Deleuze), และ จุง (Carl Jung) สำหรับคาร์ล จุง ลูเค็ทมีความสนใจในทฤษฎีบุคลิกภาพของเขาเป็นพิเศษ โดยจุงได้อธิบายความหมายเกี่ยวกับทฤษฎีบุคลิกภาพไว้ว่าเป็นการมองดูเรื่องราวของจิตใต้สำนึก และโครงสร้างที่ได้รับการส่งต่อสู่หลายชั่วอายุคน แม้สถานการณ์ที่แต่ละคนได้พบเจอทั้งทางธรรมชาติ การอบรบสั่งสอน และทางภูมิศาสตร์จะแตกต่างกัน
ในหนังสือ เดอะ โฟร์ โซดา เบลคตั้งใจกล่าวถึงความคิดของเขาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้านจิตใจของมนุษย์ โดยบทกวีเกี่ยวกับจักรวาลของเขาสะท้อนความหมายของทฤษฎีบุคลิกภาพของจุง แม้ว่าเบลคจะเสียชีวิตก่อนจุงเกิดถึง 50 ปีก็ตาม บทกวีของเบลคเป็นเสมือนโครงสร้างเกี่ยวกับการดิ้นรถต่อสู้กันในภายในจิตใต้สำนึกของผู้คน
ความรู้สึกแตกแยก อัตถิภาวนิยมนั้นผูกพันกับงานเซรามิคที่แตกหักของลูเค็ทอย่างลึกซึ้ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางสู่เมืองลิสบอนครั้งล่าสุด ที่เธอได้ชมงานภาพวาดบนกระเบื้องเคลือบสังกะสี ที่รู้จักกันดีว่า อาซูเลโฮส (azulejos) หรือศิลปะการปูกระเบื้อง ลูเค็ทเดินทางสู่เมืองเว้ เมืองเอกของประเทศเวียดนามเพื่อที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำกระเบื้องเคลือบลายแบบโมเสก ที่เป็นเทคนิคดั้งเดิมโดยใช้เครื่องปั้นดินเผาที่แตกหักมาทำ โดยเป็นศิลปะที่มีความรุ่งเรืองในเมืองเว้ช่วงศตวรรษที่ 17
สำหรับงานโมเสกใหม่ของเธอ ลูเค็ทนำเอาเศษเครื่องลายครามที่พบเจอ และการนำชิ้นเครื่องลายครามมาวาดด้วยมือ แล้วตีให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนนำเอาเศษเหล่านั้นมาประกอบให้เป็นรูปทรงเลขาคณิต เธอสะสมรูปภาพจากหลากหลายแหล่งที่มา และนำมาประกอบใหม่เข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นลวดลายใหม่ และเรื่องราวใหม่ จากการแบ่งออก และแยกส่วน เธอสามารถนำมาสร้างเป็นส่วนประกอบของสิ่งใหม่ได้
บทที่ 4: วันและคืนแห่งความสุขที่หมุนเวียน มีการเปิดตัวแบบเป็นขั้นตอนโดยเริ่มจากชั้นล่างและชั้นลอย ซึ่งมีการนำเสนอภาพโมเสกที่น่าสนใจ ที่ทำจากชิ้นส่วนแตกหักของเซรามิค และภาพวาดบนแผ่นกระเบื้องเซรามิคที่นำมาตีให้แตกแล้วประกอบใหม่ ไปจนถึงภาพวาดโดยการใช้ดินสอถ่านบนผืนผ้าใบที่แสดงอยู่บนชั้นสอง ในชั้นสองมีการนำเสนอผลงานจาก วันและคืนแห่งความสุขที่หมุนเวียน โดยมีวีดีโอเกี่ยวกับพิธีการที่เร้นลับ ผู้ชมสามารถเข้าไปในห้องที่มีเพียงเสื่อที่ทำจากไม้ไผ่ปูพื้นเพื่อให้นั่งชมวีดีโอ โดยผู้สนใจจะเข้าชมได้ด้วยการสแกนบาร์โค้ดผ่านสมาร์ทโฟนเท่านั้น ซื่อตรงต่อความคิดการผสานความเชื่อของลูเค็ท วีดีโอแสดงการเฉลิมฉลองของลัทธิจากแหล่งต่างๆ ตั้งแต่ลัทธิของไอซิส (Isis) ไปจนถึงการดูหมิ่นการเฉลิมฉลองของเหล่าชาวแคธอลิค พิธีการเฉลิมฉลองอันลึกลับนี้ รวมพิธีการหลายรูปแบบ เช่น การเต้นรำ การอ่าน คืนวันแรก (Night the First) ในภาษาเอสเปรันโต (บทแรกของหนังสือ เดอะ โฟร์ โซอา) และพิธีรับเข้ากลุ่ม แต่แทนที่จะพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาด้วยเหตุและผล ทางศิลปิอยากให้ผู้ชมรับชมประสบการณ์นี้จากพันที่ความเข้าใจในอีกระดับโดยใช้สติสัมปชัญญะแทน
ศิลปิน: แซนดรีน ลูเค็ท
ชื่อนิทรรศการ: บทที่ 4: วันและคืนแห่งความสุขที่หมุนเวียน
วันแสดง: 22 กุมภาพันธ์ - 6 เมษายน พ.ศ. 2562
วันเปิดงาน: วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 18.30 - 20.30น.
สถานที่: แกเลอรี คูย์อัน 118 เหงียน แวน ธุ ดาว วอร์ด ดิสตริก 1 โฮจิมินห์ เวียดนาม
ผู้ติดต่อ: ซิลีน อเล็กซานเดร – [email protected] เหงียน คาน หยวน - [email protected]
โทร: +84 28 3822 7218
เวลา: 10.00น. - 19.00น. วันอังคารถึงวันเสาร์ และตามนัด
แซนดรีน ลูเค็ท ขอขอบคุณสถาบันฝรั่งเศสในเมืองโฮจิมินห์ และ เซบาสเตียน ซิคอท สำหรับความสนับสนุนในโครงการนี้
เกี่ยวกับ แซนดรีน ลูเค็ท
ลูเค็ทมีความสนใจเกี่ยวกับศาสนา โดยเน้นหนักไปที่การวิวัฒนาการของพิธีการ ประติมานวิทยา และการสำแดง มากกว่าจากมุมมองด้านทฤษฎี โดยเกิดจากความสงสัยส่วนตัวในเรื่องตำนานและเรื่องเล่าต่างๆ ศิลปินสะสมรูปภาพ ภาพถ่าย และตำรา ซึ่งจากนั้น เช่นเดียวกับการเล่นแร่แปรธาตุ นำเอามาแปรสภาพเป็นโลกที่เร้นลับ ที่ความประหลาดลึกลับและเวทย์มนต์ที่ไม่มีอยู่จริงสามารถอยู่ร่วมกันได้ เกิดปีพ.ศ. 2518 ในเมืองมงต์เปลลิเยร์ ประเทศฝรั่งเศส ลูเค็ทสำเร็จการศึกษาจากเอโคเล่ ปิลอต อินเตอร์นาซิโอนาล ดิ อาร์ต เอ เดอ โรแชร์ (École Pilote Internationale d'Art et de Recherche) วิลล่า อาร์ซง ในปีพ.ศ. 2542 โดยเธอเป็นผู้สนับสนุนหลักในการพัฒนาศิลปะร่วมสมัยในเวียดนาม โดยเคยเป็นหนึ่งในผู้จัดตั้ง วันเดอร์ฟูล ดิสตริค (Wonderful District) (พ.ศ. 2548-2554) ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนงานศิลปะร่วมสมัยผ่านนิทรรศการ คอนเสิร์ท และการแสดงละคร รวมทั้งเป็นสมาชิกของ โมกัส สเตชั่น (Mogas Station) (พ.ศ. 2549-2550) เป็นกลุ่มศิลปินในประเทศเวียดนาม งานของลูเค็ทได้ถูกนำออกแสดงในสถานที่ที่หลากหลาย รวมทั้ง ปาเล่ เดอ โตเกียว เมืองปารีส (Palais de Tokyo, Paris) ศูนย์ศิลปะเยอร์บา บัวน่า (Yerba Buena Center for the Arts) ในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย และเทท โมเดิร์น (Tate Modern) ในลอนดอน ในพ.ศ. 2559 เธอนำเสนอโครงการหลักเกี่ยวกับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นในช่วงยุคเอโดะ รวมทั้ง โยไค (ปีศาจ) มิเซโมโนะ โกยะ (นิทรรศการที่ได้รับความนิยมงานหนึ่ง) และรันคากุ (การเรียนรู้ภาษาดัทช์) ที่ เคนโปกุ อาร์ต ในอิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น (พ.ศ. 2559) เธอได้เข้าร่วมแสดงผลงานในงานเบียนนาเล่หลากหลายงานกับโมกัส สเตชั่น ได้แก่ เสิ่นเจิ้นเบียนนาเล่ (พ.ศ. 2550) สิงคโปร์เบียนนาเล่ (พ.ศ. 2549) และ ไมเกรชั่น แอดดิคส์ เป็นส่วนหนึ่งของงานเวนิซ เบียนนาเล่ครั้งที่ 52 แซนดรีน ลูเค็ทอาศัย และทำงานในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
เกี่ยวกับแกเลอรี คูย์อัน
ได้รับการยอมรับว่าเป็นแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะร่วมสมัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนาม แกลเลอรี่ควินเป็นผู้สนับสนุนงานศิลปะร่วมสมัยในประเทศมากว่าสองทศวรรษ แกลเลอรี่นี้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศจากโปรแกรมการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับศิลปินที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี ทั้งที่เป็นศิลปินใหม่ ที่มีประสบการณ์มาหลายปีแล้ว และที่เป็นศิลปินชาวเวียดนามที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แกลเลอรี่ยังแสดงงานของศิลปินชื่อดังจากทั่วโลก เพื่อเป็นการทำตามวัตถุประสงค์ของทางแกลเลอรี่ที่จะพัฒนาระบบนิเวศน์ที่ยั่งยืนของงานศิลปะในประเทศเวียดนาม ทางแกลเลอรี่ทำงานร่วมกับศิลปิน ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่แสดงงานศิลปะทั้งในพื้นที่และต่างประเทศเพื่อจัดงานเสวนาและการบรรยาย รวมทั้งตีพิมพ์ข้อมูลทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาเวียดนาม ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 แกลเลอนี่ได้ก่อตั้งองค์กรการศึกษาแบบไม่หวังผลกำไรชื่อ เซา ลา ที่ในปัจจุบันมีศิลปินที่ทำงานอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ เหงียน คิม โต ลัน และ เหงียน ดัก ดัทเป็นผู้นำโครงการ โดยเซา ลาประกอบไปด้วยหนุ่มสาวอายุน้อย ที่มีความหลงไหลในงานสร้างสรรค์ทำงานร่วมกัน
บทใหม่ของแกลลอรี่ได้เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 เมื่อแกลลอรี่ได้มีการย้ายไปอยู่ในอาคารที่มีพื้นที่ขนาด 600 ตรม. ในตำบลดาเกา 1 อาคารใหม่นี้ มีสี่ชั้นทำให้แกลเลอรี่สามารถริเริ่มโครงการใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นและมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในชุมชนศิลปะวัฒนธรรมในประเทศเวียดนามwww.galeriequynh.com
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit