RSV ไวรัสตัวร้าย ปล่อยไว้อันตรายถึงแก่ชีวิต

          เนื่องด้วยฤดูกาลที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ร่างกายต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และหนึ่งในโรคสำคัญที่มีโอกาสติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการป่วยง่ายๆ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก คือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV เชื้อนี้มองเผินๆ อาจเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะอันตรายอาจถึงแก่ชีวิตได้
          นายแพทย์พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์สาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึง ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี สำหรับในประเทศไทยอาจพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน หรือช่วงปลายฝนต้นหนาว การติดต่อของเชื้อ RSV นี้สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส ซึ่งหากเด็กได้รับเชื้อ ระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน โดยในช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการที่ต้องพึงระวัง คือ หากมีอาการไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (wheezing) รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนักมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง ทั้งนี้จากข่าวที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ แชร์ประสบการณ์เรื่องราวของผู้ปกครองรายหนึ่งที่มีลูกยังเล็กอายุเพียง 5 เดือน แต่ติดเชื้อไวรัส RSV ทำให้เกิดปอดอักเสบ โดยคาดว่าติดเชื้อจากการสัมผัสจากผู้อื่นที่มาจับหรือหอมแก้มลูกของตนนั้น การติดเชื้ออาจเกิดจากการสัมผัสจากผู้อื่นที่ป่วยหรือเป็นพาหะได้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กเล็ก อยากเข้าไปสัมผัสจับมือ หอมแก้ม โดยไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายหรือล้างมือก่อนสัมผัส เมื่อไปจับต้องโดนตัวเด็ก หรือสัมผัสโดนปากหรือจมูก ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน ผู้ใหญ่ควรระมัดระวัง อย่าเผลอแพร่เชื้อให้เด็กเล็กโดยไม่รู้ตัว
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอดและดูดเสมหะออก จะช่วยลดความรุนแรงของอาการไอและอาการหายใจหอบเหนื่อยได้ โรคติดเชื้อไวรัส RSV ใช้เวลาในการฟื้นไข้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา รวมถึงอาการรุนแรงเป็นปอดบวมซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกน้อยได้ เชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ สิ่งสำคัญคือการป้องกันการติดเชื้อ RSV ซึ่งทำได้โดยการรักษาความสะอาด ผู้ปกครองควรดูแลความสะอาดให้ดี หมั่นล้างมือตัวเองและลูกน้อยบ่อยๆ เพราะการล้างมือ สามารถลดเชื้อที่ติดมากับมือทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 70 ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายในอากาศที่ถ่ายเท ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา เป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง ปกติแล้วในผู้ใหญ่มักไม่ติดเชื้อโรคนี้เพราะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ แต่ผู้ใหญ่มีโอกาสสัมผัสเชื้อนี้ได้ และหากไม่ล้างมือให้สะอาดก็อาจทำให้เด็กเล็กติดเชื้อจากผู้ใหญ่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองที่ลูกมีอาการป่วย ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ ไม่ไปอยู่ในสถานที่แออัด ควรดูแลทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวและแยกไว้ต่างหากเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเข้าเรียนในเนอร์สเซอรี่หรือโรงเรียนอนุบาลแล้ว หากมีอาการป่วยควรให้หยุดเรียนจนกว่าอาการจะหายเป็นปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อได้อีกทางหนึ่ง
          ศูนย์กุมารเวชกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ เชื่อมั่นในพื้นฐานของความรักและความเข้าใจในครอบครัว ด้วยคำแนะนำเพื่อการเลี้ยงดูลูกน้อยอย่างถูกวิธีจากกุมารแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ให้บริการตรวจรักษาเพื่อป้องกันโรค ฟื้นฟูสุขภาพ และการรักษาผู้ป่วยเด็กในภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนาการเด็กในวัยต่างๆ โดยทีมแพทย์และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลากหลายสาขา เช่น กุมารเวชระบบทางเดินอาหาร ระบบหายใจ โรคติดเชื้อ โรคหัวใจ ระบบประสาทและสมอง จิตเวช ต่อมไร้ท่อ ทางเดินปัสสาวะ ศัลยกรรม โรคเลือดและมะเร็งเด็ก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.02-310-3006, 02-755-1006 หรือ โทร.1719

RSV ไวรัสตัวร้าย ปล่อยไว้อันตรายถึงแก่ชีวิต

ข่าวพรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์+โรงพยาบาลกรุงเทพวันนี้

เสริมสร้างภูมิต้านทานให้ลูกน้อย ลดความเสี่ยงด้วยวัคซีน

อีกหนึ่งวิธีในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคสำหรับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี คือ การฉีดวัคซีน เพราะเด็กเล็กๆ ภูมิต้านทานอาจยังไม่ดีพอ การติดเชื้อโรคบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ การได้รับวัคซีนพื้นฐานจำเป็นตามวัย จะช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัย มีพัฒนาการที่ดีสมวัยและต่อเนื่อง นายแพทย์พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์สาขาโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า โดยทั่วไปเด็กเล็กควรได้รับวัคซีนพื้นฐานตามวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน ประกอบด้วย วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ

สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาด... ดูแลลูกรักให้ปลอดภัย ห่างไกลจาก COVID-19 — สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวด...

การเลี้ยงดูลูกในยุคดิจิทัลท่ามกลางข้อมูลข... กุมารแพทย์แนะเทคนิคพ่อแม่ 4.0 เลี้ยงลูกยุคดิจิทัล สมองดี โตไปไม่ติดจอ — การเลี้ยงดูลูกในยุคดิจิทัลท่ามกลางข้อมูลข่าวสารรอบตัวและการเชื่อมต่อแบบไร้พรมแดน แ...

โรงพยาบาลกรุงเทพภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ร... โรงพยาบาลกรุงเทพติดอันดับ Top 5 ของไทย ในรางวัล The World's Best Hospitals 2025 - Thailand — โรงพยาบาลกรุงเทพภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็...

เด็ก...ต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด เพื่อความ... เตรียมสุขภาพเด็กให้แข็งแรงสมวัย เสริมสร้างพัฒนาการและดูแลฟัน ในช่วงวัย 1-4 ปี — เด็ก...ต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ จ...

ทพญ.วลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการอา... ภาพข่าว: รพ.กรุงเทพ ให้บริการตรวจสุขภาพร่างกายและฟันเด็กตามวัย — ทพญ.วลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์ทันตกรรม รพ. กรุงเทพ เชิญชวนผู้ปกครองค...

ปัจจุบันการให้วัคซีนเป็นที่ยอมรับโดยสากล ... เด็กหญิงฉีดวัคซีน HPV ลดเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก — ปัจจุบันการให้วัคซีนเป็นที่ยอมรับโดยสากล ว่าเป็นแนวทางป้องกันโรคติดต่อที่สำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ...

เนื่องด้วยฤดูกาลที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ... RSV ไวรัสตัวร้าย ปล่อยไว้อันตรายถึงแก่ชีวิต — เนื่องด้วยฤดูกาลที่อากาศมีการเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ร่างกายต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปล...