ปัญหาชาวนาไทย ช่วยพวกเขาให้มีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมการบริโภคของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผูกพันอยู่กับการกิน "ข้าว" สุภาษิตสมัยก่อนเกี่ยวกับการบริโภคของชาวไทยมักมีคำว่า "ข้าว" ปรากฏอยู่ เช่น ข้าวปลาอาหาร กับข้าวกับปลา หรือในน้ำมีปลาในนามีข้าว บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของคนไทยผูกพันอยู่กับข้าวมาตั้งแต่อดีต โดยข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในปีการผลิต ประเทศไทย559/6สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีจำนวนครัวเรือนที่ทำข้าวนาปีถึงจำนวน 3.7 ล้านครัวเรือน และนาปรังจำนวน 4.68 แสนครัวเรือน[ฟาร์มจริงใจ] จึงนับว่าชาวนายังเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่
          อย่างไรก็ตาม ปัญหาความยากจนของชาวนาไทยยังคงเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อกันมาอย่างยาวนาน แม้ว่าที่ผ่านมาเกือบทุกรัฐบาลต่างพยายามออกมาตรการแก้ไขปัญหา แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามคาด โดยปัญหาหลักความยากจนของชาวนาเกิดจากวงจรการขายข้าวในปัจจุบันที่ต้องขายข้าวทั้งหมดผ่านพ่อค้าคนกลางหรือโรงสีพร้อมกัน ทำให้ข้าวราคาตกต่ำและชาวนาไม่ได้กำไรอย่างที่คาดหวังไว้
          ด้วยการตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและต้องการหาหนทางแก้ไขอย่างยั่งยืน กลุ่มลูกหลานชาวนารุ่นใหม่ได้รวมตัวกันก่อตั้งโครงการ "ฟาร์มจริงใจ" โดยเป็นการรวมตัวของกลุ่มชาวนาที่มีลักษณะชุมชนเข้มแข็ง ผ่านทางเว็บไซต์ www.farmjingjai.com ซึ่งให้ผู้บริโภคสั่งข้าวล่วงหน้าแบบรายเดือนหรือพรีออเดอร์ ซึ่งการพรีออเดอร์ (สั่งซื้อล่วงหน้า) คือการให้ผู้บริโภคสั่งข้าวผ่านทางเว็ปไซต์ มีการรวบรวมยอดการสั่งซื้อ ทำให้ชาวนาทราบยอดการสั่งซื้อที่แน่นอน ช่วยให้ชาวนาเข้าถึงและสามารถจำหน่ายข้าวได้โดยตรงแก่ผู้บริโภค มีรายได้อย่างต่อเนื่อง แก้ปัญหาของชาวนาอย่างยั่งยืน โดยชาวนาสามารถขายตรงสู่ผู้บริโภคทำให้ได้กำไรจากการขายมากขึ้น
ปัจจุบัน มีกลุ่มชุมชนเข้มแข็งเข้าร่วมโครงการ "ฟาร์มจริงใจ" จำนวน 3 ชุมชนใน ประเทศไทย จังหวัด ได้แก่ กลุ่มชาวนาหมู่บ้านคุ้มยโสธร จังหวัดยโสธร กลุ่มอีสานพอเพียงและกลุ่มชาวนาตำบลกระเบื้อง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งข้าวที่ได้จากโครงการทั้งหมดเป็นข้าวปลอดสาร ไม่ผ่านการรมยา และจะสีข้าวเมื่อได้รับออเดอร์จากผู้บริโภคเท่านั้น ทำให้ผู้บริโภคได้รับข้าวสารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง สดใหม่ และปลอดภัยจากสารพิษ ส่งตรงถึงหน้าบ้านทุกเดือน
          นางดวงใจ จันทร์เจริญ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการและหัวหน้ากลุ่มชาวนาหมู่บ้านคุ้มยโสธร กล่าวเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของโครงการฟาร์มจริงใจว่า "ดิฉันเป็นลูกสาวชาวนาโดยกำเนิด ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานบริษัทแต่เลือกหันหลังให้กับการเป็นพนักงานบัญชีและมาเป็นชาวนาเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำในปี ประเทศไทย559 ซึ่งการขายข้าวเปลือกไปยังโรงสีหรือผ่านพ่อค้าคนกลางทำให้ราคาข้าวผันผวน บางปีราคาต่ำบางปีราคาสูงไม่มีความแน่นอนประกอบกับเรามีพื้นที่เพาะปลูกน้อยจำนวนผลผลิตน้อย เมื่อราคาข้าวตกต่ำก็ส่งผลให้ได้กำไรต่ำไปด้วย พวกเราเลยเกิดไอเดียว่าทำไมเราไม่สีข้าวสารขายให้ผู้บริโภคโดยตรงไปเลยล่ะ ซึ่งเว็บไซต์ของฟาร์มจริงใจก็จะเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ และพวกเราคิดว่านี่เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยเฉพาะคนเมืองได้มากกว่า นอกจากผู้บริโภคจะได้ข้าวสารสดใหม่ ปลอดสาร มีคุณค่าทางอาหารสูงแล้ว ยังช่วยให้รายได้จากการขายข้าวถึงมือชาวนาโดยตรง"
          เว็บไซต์ฟาร์มจริงใจจะเปิดให้ผู้บริโภคเข้าสั่งซื้อข้าวได้ตั้งแต่วันที่ ประเทศไทย5 พฤศจิกายนนี้ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาของชาวนาไทยอย่างยั่งยืนและช่วยให้พวกเขามีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ เพียงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ ผ่านทางการสั่งข้าวที่ www.farmjingjai.com
          "ฟาร์มจริงใจสื่อถึงความจริงใจของชาวนาเราที่มีต่อผู้บริโภคในการจำหน่ายข้าวสารที่มีคุณภาพ ปลูกและเก็บเกี่ยวด้วยความจริงใจของชาวนา ดิฉันหวังว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับโครงการของเราเป็นอย่างดี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของชาวนาไทยเราอย่างยั่งยืน" นางดวงใจกล่าวทิ้งท้าย
ปัญหาชาวนาไทย ช่วยพวกเขาให้มีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร
 
ปัญหาชาวนาไทย ช่วยพวกเขาให้มีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร
ปัญหาชาวนาไทย ช่วยพวกเขาให้มีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร
 
ปัญหาชาวนาไทย ช่วยพวกเขาให้มีรอยยิ้มอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร
 
 
 
 
 

ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร+เศรษฐกิจการเกษตรวันนี้

วว. พัฒนาชุดบ่มเลี้ยงหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพย่อยสลายตอซังข้าว ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย วทน.

"ข้าว" เป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในปี 2565 มีพื้นที่นาข้าวประมาณ 70 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 46 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของประเทศ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่นาข้าวมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ ซึ่งภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว จะก่อให้เกิดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซัง และฟางข้าว โดยพบว่า พื้นที่นาข้าว 1 ไร่ จะมีปริมาณตอซังและฟางข้าว โดยเฉลี่ยปีละ 650 กิโลกรัม ดังนั้นเพื่อ

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษ... สศท. 7 เผยผลศึกษาการบริหารจัดการ "ฟางข้าว" ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคกลาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม — นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ช...

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกร... ไทย - จีน จับมือสร้างความสัมพันธ์ พร้อมเปิดตลาดสินค้าด้านการเกษตร — ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกั...

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงา... โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรในระดับชุมชนสร้างอาชีพมั่นคง ต่อยอดมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร — นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร...

นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักง... ไทยส่งเสริมบทบาทสตรีในภาคเกษตร ผลักดันความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ในเวที CFS ครั้งที่ 51 — นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ...

สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินด... สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา — สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา แหล่งน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเกษตรกรรม และระบบนิเวศครบครัน นายฉันทานนท์...

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศ... สศก. ขึ้นรับรางวัล 'Excellent Open Data Hub' หน่วยงานเปิดเผยชุดข้อมูลเปิดภาครัฐ โครงการ DIGI DATA AWARDS — นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจ...