สำหรับบูธ "ยามาฮ่าโรงรถแห่งอนาคต : เสียงกังวานแห่งอนาคต" ยามาฮ่ายกทัพผลิตภัณฑ์ยานยนต์มาจัดแสดงด้วยกันมากกว่า 20 รุ่น โดยมีการเปิดตัวโมเดลใหม่แบบเวิลด์พรีเมียร์ครั้งแรกของโลกในงานนี้ด้วยกันถึง 6 รุ่น และมีอีก 4 รุ่นที่จะทำการเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่น นอกจากจะนำรถจักรยานยนต์มาจัดแสดงหลากหลายโมเดลแล้ว ยามาฮ่า ยังได้นำยานยนต์อื่นๆ มาจัดแสดงภายในบูธ รวมไปถึงจักรยานพลังงานไฟฟ้า (Electrically power-assisted bicycles), สกู๊ตเตอร์ (Scooters), รถขับเคลื่อนแบบ Leaning Multi-Wheelers (LMW), และรถต้นแบบดีไซน์คอนเซ็ปต์อื่นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงสุดยอดเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของยามาฮ่าได้อย่างชัดเจน
นอกจากนั้นภายในบูธ "ยามาฮ่าโรงรถแห่งอนาคต : เสียงกังวานแห่งอนาคต" ยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีของยามาฮ่าอันได้แก่ ยานยนต์ทดลอง (Experimental machine) เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ร่วมค้นหารูปแบบการขับเคลื่อน โดยผู้ขับขี่จะประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพาหนะเพื่อสร้างการขับเคลื่อนตามสไตล์ของแต่ละบุคคล พร้อมกันนี้ยามาฮ่ายังได้จัดแสดงหุ่นยนต์ขับขี่มอเตอร์ไซค์อัตโนมัติหรือ "หุ่นฮิวแมนนอยด์" (an autonomous motorcycle-riding humanoid robot) ให้ชมอีกด้วย ซึ่งผู้เข้าชมบูธจะได้สัมผัสประสบการณ์ "Ever-growing world of personal mobility" หรือ "การเติบโตอย่างไม่สิ้นสุดแห่งนวัตกรรมการขับเคลื่อนส่วนบุคคล" ที่เป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่าที่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนวัตกรรมการขับเคลื่อนยานยนต์ขนาดเล็กอย่างแท้จริงโดยภายในบูธ "ยามาฮ่าโรงรถแห่งอนาคต : เสียงกังวานแห่งอนาคต" ทำการแบ่งออกเป็นโซนหลักๆ ได้ดังนี้
โมโตรอยด์ (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
MOTOROiD (Reference vehicle)
เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ในแบบ คันโด* ยามาฮ่าได้มีการใช้เครื่องยานยนต์ทดลอง (Experimental Machine) ที่ผนวกเข้ากับปัญญาประดิษฐ์เพื่อค้นหาการสร้างรูปแบบการขับเคลื่อนยานยนต์เฉพาะบุคคลโดยที่ผู้ขับขี่จะประสานเป็นหนึ่งเดียวกับพาหนะ แนวคิดการพัฒนาโมโนรอยด์นี้ถือเป็น "Unleashed Prototype" หรือ ต้นแบบแห่งการปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระอย่างแท้จริง โดยที่มันมีความสามารถในการจดจำเจ้าของรถ รวมไปถึงความสามารถในการสื่อสารกับผู้ขับขี่ได้เสมือนเป็นสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในการสร้างยานยนต์ในรูปแบบดังกล่าว และยามาฮ่าก็ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่จะสามารถเสริมสร้างคุณค่าให้แก่ตัวลูกค้าได้
*คันโด (Kando) เป็นภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมกันจากความพึงพอใจ และความตื่นเต้นจากการได้สัมผัสสิ่งที่ไม่สามารถหาคำใดๆ มาบรรยายความรู้สึกนั้นได้
นิเคน (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
NIKEN (Reference vehicle)
รถรุ่นนี้เป็นรถแบบ Leaning Multi-Wheeler (LMW) ขับเคลื่อนโดยพลังงานจากเครื่องยนต์สามสูบเรียง liquid-cooled in-line 3-cylinder engine ที่ผนวกเข้ากับเทคโนโลยี LMW เพื่อช่วยลดผลจากการขับขี่ในสภาพแวดล้อมอันหลากหลาย และเพื่อช่วยเสริมความรู้สึกมั่นคงในการขับขี่ โดย นิเคน จะทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงสมรรถนะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่จัดจ้านสไตล์รถสปอร์ตที่พร้อมตอบสนองในทุกสภาพเส้นทางการขับขี่ และให้ความมั่นใจในทุกจังหวะการเข้าโค้งได้อย่างมั่นคง และมีเสถียรภาพเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการดีไซน์ออกแบบโดยมีล้อหน้าคู่ขนาด 15 นิ้ว พร้อมโช้คแบบ Dual-Tube Upside-Down Forks ที่ทำให้ตัวรถดูโดดเด่นในแนวสปอร์ต เพียงแค่มองก็สัมผัสได้ถึงคุณภาพ และรู้สึกได้ถึงสมรรถนะอันทรงพลังของรถรุ่นนี้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ นิเคน เป็นมิติใหม่ของการปฏิวัติวงการรถจักรยานยนต์เลยก็ว่าได้
TRITOWN (Reference vehicle)
ทริทาวน์ (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
ทริทาวน์เป็นพาหนะขนาดเล็กที่มีล้อหน้าคู่ตามแบบเทคโนโลยี Leaning Multi-Wheel (LMW) ของยามาฮ่า ซึ่งผู้ขับขี่จะยืนขณะขับขี่ โดยมีโครงสร้างที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่าย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถยืนได้อย่างสมดุล และควบคุมได้อย่างสะดวก เพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์ที่สนุกตื่นเต้นจนไม่อยากหยุดการเคลื่อนที่เลยทีเดียว โดย ทริทาวน์ ได้ถูกออกแบบให้ตัวรถมีขนาดเล็ก เบา และง่ายต่อการใช้งาน ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมการเคลื่อนที่ระยะใกล้ที่ผู้คนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก และความพิเศษอีกอย่างของ ทริทาวน์ ก็คือ ผู้ขับขี่สามารถทรงตัวอยู่บนรถได้แม้รถจะหยุดนิ่งแล้วก็ตาม
MWC-4 (Reference vehicle)
MWC-4 (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
เพื่อสร้างประสบการณ์แห่งเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือกว่าการขับขี่รถจักรยานยนต์ธรรมดาๆ ยามาฮ่าจึงได้สร้างรถ Leaning Multi-Wheel (LMW) รุ่นใหม่ที่มีล้อหน้า และล้อหลังแบบคู่ ภายใต้คอนเซปท์ "Half-Sized Mobility" หรือพาหนะขนาดย่อม MWC-4 ซึ่งขับเคลื่อนด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งระบบขยายระยะ (Range-extender) และใช้เทคโนโลยีควบคุมการวางตัว (Attitude-control technology) ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกในการขับขี่ที่ต่างออกไปจากยานยนต์อื่นๆ และให้ความสบายที่เหนือกว่าการขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วๆ ไป โดย MWC-4 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นจากสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่างรถจักรยานยนต์ และเครื่องดนตรีได้อย่างลงตัว
CROSS HUB CONCEPT (Reference vehicle)
รถต้นแบบครอสฮับคอนเซปท์ (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ออกมาเป็นจำนวนมาก ยามาฮ่าก็ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ในทุกๆ สภาพแวดล้อม จึงได้สร้างรถต้นแบบครอสฮับคอนเซปท์ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายเพื่อผสมผสานไลฟ์สไตล์ที่มีความคล่องตัว "Active" ให้เข้ากับชุมชนเมือง "Urban" ซึ่งรถรุ่นนี้ออกแบบให้ห้องโดยสารมีรูปทรงเหมือนเพชรที่มาพร้อมกับความสามารถในการบรรทุกรถจักรยานยนต์ได้ถึงสองคันที่ตอนท้ายของรถ ทำให้เจ้าของรถสามารถเข้าถึงโลกแห่งความสนุกของยามาฮ่าได้อย่างเต็มที่
โมโตบอท V2 (ความก้าวล้ำแห่งเทคโนโลยี)
MOTOBOT Ver. 2 (Technology exhibit)
โมโตบอท V2 เป็นหุ่นยนต์ขับขี่รถจักรยานยนต์อัตโนมัติที่ผสมผสานระหว่างรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดเข้ากับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และยังเป็นสิ่งที่ช่วยในการศึกษาวิจัย และพัฒนารถจักรยานยนต์ในส่วนที่ยังไม่สามารถค้นคว้าได้ก่อนหน้านี้ ในส่วนของการทำงานของเจ้าหุ่นยนต์นักบิดนี้พบว่า โมโตบอทสามารถไต่ระดับความเร็วได้จนเทียบความเร็วบนสนามแข่งเลยทีเดียว โดยในปี 2017 ทางยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายให้โมโตบอทสามารถทำความเร็วได้จนแตะระดับ 200 กม./ชม. ในสนามแข่ง และจะจัดการทดสอบการแข่งขัน Laptime กับ วาเลนติโน่ รอซซี่ เจ้าสนามแห่งโมโตจีพี โดยเจ้าโมโตบอทนี้จะสามารถให้ข้อมูลเชิงเทคโนโลยีที่ซับซ้อน และความรู้ต่างๆ อีกมากมายที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจหรือแม้กระทั่งบุกเบิกธุรกิจแนวใหม่ให้เกิดขึ้นได้เลยทีเดียว
YPJ-XC (รถต้นแบบเรเฟอเรนซ์วิฮีเคิล)
YPJ-XC (Reference vehicle)
รถต้นแบบรุ่นใหม่ในซีรีส์ YPJ ที่เพิ่มลูกเล่นให้กับรถจักรยานไฟฟ้า (Electrically Power-Assisted Bicycles) หรือ e-bikes ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น YPJ-MTB ที่จัดแสดงไปก่อนหน้านี้ในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 44 เมื่อปี 2015 โดยจักรยานรุ่น YPJ-XC ขับเคลื่อนด้วย PW-X rive unit และเป็นรถจักรยานรุ่นที่เข้าใกล้ความเป็นไปได้ในการผลิตออกมาใช้จริง นอกจากนั้นภายในงานยังมีการจัดแสดงจักรยานในซีรีส์ YPJ อีก 3 รุ่น ที่เป็นรุ่นที่ใช้ PW-SE Drive Unit ซึ่งได้รับการขนานนามจากฝั่งยุโรปว่าสามารถให้กำลังได้เป็นอย่างมาก และยังทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รถทั้ง 3 รุ่นที่จะจัดแสดงในงานนี้ได้แก่ YPJ-ER "crossover" รถจักรยานอเนกประสงค์ประเภท Road Bike, YPJ-EC รถจักรยานแฮนด์ตรงประเภท Flat-Bar Road Bike และ YPJ-TC รถจักรยานประเภท Touring (Trekking) Bike
YAMAHA YZR-M1
นี่คือที่สุดของรถแข่งจากยามาฮ่าในเกมการแข่งขัน MotoGP ซึ่งถือเป็นสุดยอดของรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โดยตัวอักษร "M" นั้นย่อมาจาก "Missions" ที่มีด้วยกันสองภารกิจหลักๆ คือ การสรรค์สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการแข่งขัน เพื่อนำมาพัฒนาถ่ายทอดสู่รถจักรยานยนต์ที่ผลิตออกมาเพื่อผู้ขับขี่บนท้องถนน และอีกหนึ่งภารกิจคือ การครองแชมป์การแข่งขัน MotoGP ซึ่งตั้งแต่รถรุ่นนี้เปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 2002 ก็สามารถครองบัลลังก์แชมป์มาได้แล้วถึง 7 สมัย
YAMAHA YZF-R6
รถรุ่นนี้เป็นการอัพเดทครั้งใหม่ของ YZF-R6 หลังจากผ่านมาแล้ว 9 ปี โดยได้รับการปรับเสริมสมรรถนะอันทรงพลังให้รถสามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งบนถนนและสนามแข่งขัน นอกจากรูปลักษณ์ใหม่ที่เห็นได้ชัดเจนของรถในตระกูล R-Series ของยามาฮ่าแล้ว โดย YZF-R6 ใหม่นี้ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีทางด้านระบบไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดต่อมาจาก YZF-R1 รวมไปถึงการพัฒนาการบังคับควบคุมรถที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ทั้งในสนามและบนท้องถนน
Star Venture (Production vehicle)
สตาร์เวนเชอร์ (รถผลิตเพื่อจัดจำหน่าย)
รถรุ่นนี้เป็นรถทัวริ่งสำหรับการเดินทางระยะไกลที่มีอุปกรณ์ครบครันและถือเป็นรุ่นเรือธงของยามาฮ่าในตระกูลครุเซอร์ (Cruiser) ตัวรถยังติดตั้งระบบ Infotainment System ที่สามารถสร้างความสนุกสนานตลอดการขับขี่ ทั้งยังออกแบบให้เห็นถึงความมีคุณภาพและความทรงพลังของรถ นอกจากนั้นรถรุ่นนี้ยังมีเทคโนโลยีการควบคุมและเทคโนโลยีมอเตอร์ใหม่ล่าสุดที่ใช้ขับเคลื่อนตัวรถเดินหน้าถอยหลังช้าๆได้ซึ่งถือเป็นรถผลิตเพื่อจำหน่ายรุ่นแรกที่ใช้เทคโลโลยีนี้ ในรถมีระบบเครื่องเสียงที่จะช่วยสร้างความสนุกสนานตลอดการเดินทางไกลที่ได้รับการพัฒนาโดย Yamaha Corporation เพื่อให้สามารถส่งพลังเสียงเพื่อสร้างความเพลิดเพลินได้แม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่ก็ตาม
YAMAHA MT-10 ABS
MT-10 ABS ถือเป็นรถรุ่นเรือธงใน MT-Series ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์แบบครอสแพลน CP4 สี่สูบแถวเรียง ขนาด 997 ซีซี ที่ทำให้รถของยามาฮ่าทรงพลังที่สุดบนท้องถนนและผู้ขับขี่สามารถสั่งการบังคับรถได้อย่างใจต้องการ โดยโมเดลนี้ยังมาพร้อมกับอีกหลากหลายคุณสมบัติที่จะทำให้มันเหมาะกับการใช้งานในหลายๆ รูปแบบ สไตลิ่งของรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เห็นตัวเครื่องยนต์อันทรงพลัง ยิ่งเมื่อมองจากด้านข้างจะรู้สึกเสมือนราวกับว่าได้เห็นถึงพละกำลังที่ไหลเข้าสู่ระบบจนกระทั่งถูกปลดปล่อยออกมาทางท่อไอเสียเลยทีเดียว
YAMAHA MT-09 ABS
นี่คือการต่อยอดอีกหนึ่งขั้นของ MT-09 ABS ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสนุกสนานระหว่างการขับขี่ และเสริมความสามารถในการบังคับควบคุมรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกๆ ช่วงความเร็ว โดยโมเดลนี้มาพร้อมระบบคลัทช์แบบ Assist & Slipper clutch เพื่อให้เกิดความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นในระบบส่งกำลังและจังหวะในการใช้คลัทช์ตัดต่อกำลังเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกด้วยกันถึง 2 โหมด เพื่อให้จังหวะของการขับขี่เป็นไปอย่างเหมาะสมตรงกับความต้องการในสภาพของถนนที่แตกต่างกันออกไป
YAMAHA XSR700 ABS
รถสไตล์สปอร์ตสำหรับการขับขี่บนท้องถนนในเมือง ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ สองสูบเรียงแบบ CP2 ที่มีองศาแคมชาร์ฟอยู่ที่ 270 องศาขนาด 668 ซีซี โดย XSR700 ABS จะให้ความสบายขณะขับขี่แม้จะต้องเจอกับสภาพการจราจรติดขัดในเมือง และมีการออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของสามารถแต่งรถได้ตามจินตนาการของผู้ขับขี่ ซึ่งรถรุ่นนี้จะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในวันที่ 6 พฤศจิกายน นี้
YAMAHA TMAX530 DX ABS
รถรุ่นนี้เป็นรุ่นเรือธงในตระกูล MAX Series ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตเกียร์อัตโนมัติที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ที่ญี่ปุ่น โดยรถรุ่นนี้สามารถขับเคลื่อนได้อย่างนุ่มนวลและให้ความรู้สึกถึงพละกำลังไปพร้อมๆ กัน ซึ่งมาพร้อมกับน้ำหนักของตัวถังที่เบา และมีช่วงท้ายที่ปราดเปรียวตามแบบฉบับของรถสปอร์ต
YAMAHA XMAX ABS
สกู๊ตเตอร์คันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 249 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบเต็มระบบ มาพร้อมกับเทคโนโลยี BLUE CORE ภายใต้คอนเซปท์การออกแบบคือ "MAXimize Commuting FUNctions" หรือการพัฒนารูปแบบของรถที่ใช้ในการเดินทางให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด พร้อมระบบ Traction Control System ป้องกันล้อหมุนฟรีในขณะขับขี่บนพื้นถนนที่ลื่น นอกจากนั้นพื้นที่สำหรับเก็บของใต้เบาะยังมีขนาดใหญ่เพื่อให้เก็บของได้มากขึ้นอีกด้วย
YAMAHA TRICITY155 ABS
โมเดลนี้เป็นอีกขั้นของความสนุกที่จะทำให้คุณขับขี่ได้ในแนวสปอร์ต พร้อมให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงขณะขับขี่ มาพร้อมกับรูปลักษณ์แห่งนวัตกรรมอันล้ำสมัยตามแบบ Tricity 125 แต่เสริมสมรรถนะ และคุณสมบัติต่างๆ ที่จะช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ที่ได้เป็นเจ้าของ โดยยังคงมาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนแบบ Leaning Multi-Wheel (LMW) ของยามาฮ่า เพื่อให้มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
YAMAHA YZ450F
รถรุ่นนี้เป็นรถรุ่นท๊อปของตระกูล YZ Series สำหรับการใช้ในการแข่งขันแบบออฟโร้ด โดยในปี 2018 ได้มีการปรับปรุงเสริมสมรรถนะแก่ตัวรถและเพิ่มศักยภาพในการใช้งานออฟโร้ดให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่เพิ่มพละกำลังและความสามารถในการใช้งาน นอกจากนั้นยังมีแอพพลิเคชั่น Power Tuner บนสมาร์ทโฟนที่จะช่วยในการปรับแต่งรถได้อย่างง่ายดาย และเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าของเครื่องยนต์ได้อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถเซ็ทอัพได้ตรงกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว
และนี้ก็คือ "ยามาฮ่าโรงรถแห่งอนาคต : เสียงกังวานแห่งอนาคต" (Yamaha Future Garage : Resonate the Future) ซึ่งถือได้ว่าเป็นบูธที่นำแสดงยานยนต์ และผลิตภัณฑ์จากยามาฮ่า ที่พร้อมนำเสนอที่สุดแห่งยนตกรรมสองล้อ ซึ่งมาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีของยามาฮ่ามอเตอร์ โดยผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัย และประสบการณ์ในแบบ คันโด* จากยามาฮ่าได้อย่างแท้จริง
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit