นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัย น้ำไหลหลาก และน้ำเอ่อล้นตลิ่งจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน และการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2560 ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 79 อำเภอ 482 ตำบล 2,825 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 126,390 ครัวเรือน 327,420 คน ผู้เสียชีวิต 10 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 15 จังหวัด แยกเป็น ลุ่มน้ำยม 1 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย น้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสำโรง และอำเภอกงไกรลาศ รวม 2 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 54 ครัวเรือน 126 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน 1 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอบึงนาราง อำเภอโพทะเล อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอวังทรายพูน และอำเภอบางมูลนาก รวม 43 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,512 ครัวเรือน 30,795 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 6 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ และอำเภอชุมแสง รวม 38 ตำบล 238 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,763 ครัวเรือน 33,097 คน สิงห์บุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี และอำเภอท่าช้าง รวม 19 ตำบล 94 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,295 ครัวเรือน 16,367 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ลพบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ รวม 5 ตำบล 32 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,076 ครัวเรือน 9,037 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย อ่างทอง น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าโมก อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอไชโย รวม 30 ตำบล 92 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,595 ครัวเรือน 6,747 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 6,017 ไร่ พระนครศรีอยุธยา น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร และอำเภอบางปะหัน รวม 99 ตำบล 589 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 37,463 ครัวเรือน 97,403 คน และปทุมธานี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 67 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,352 ครัวเรือน 11,315 คน ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอหันคา รวม 23 ตำบล 114 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,151 ครัวเรือน 10,377 คน ลุ่มน้ำท่าจีน 1 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง อำเภอเมืองสุพรรณบุรี และอำเภอเดิมบางนางบวช รวม 37 ตำบล 227 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ12,523 ครัวเรือน 43,035 คน ลุ่มน้ำชี 5 จังหวัด ได้แก่ หนองบัวลำภู ผลกระทบจากน้ำเขื่อนอุบลรัตน์หนุนและไหลเข้าท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอโนนสัง รวม 8 ตำบล 65 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 628 ครัวเรือน 1,570 คน ขอนแก่น น้ำท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุบลรัตน์ อำเภอน้ำพอง อำเภอเมืองขอนแก่น และอำเภอภูเวียง รวม 11 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,266 ครัวเรือน 7,510 คน มหาสารคาม น้ำท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกสุมพิสัย อำเภอกันทรวิชัย และอำเภอเมืองมหาสารคาม รวม 19 ตำบล 122 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 516 ครัวเรือน 1,341 คน กาฬสินธุ์ น้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 5 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน 55 คน และร้อยเอ็ด น้ำท่วมพื้นที่อำเภอจังหาร รวม 3 ตำบล 7 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 159 ครัวเรือน 548 คน ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย รวมถึงระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังสู่ลำน้ำสายหลัก นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นกับฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังคลื่นซัดฝั่งในระยะนี้ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป