KOFC มองสะท้อนประกันภัยนาปี 60 งัดมาตรการเอาใจชาวนา ลดดอกเบี้ย เพิ่มความคุ้มครองเต็มที่

          ดร.ภูมิศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.กัมปนาท เพ็ญสุภา ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์7 มิถุนายน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พื้นที่เป้าหมายการเอาประกันภัยขั้นต่ำ จำนวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์5 ล้านไร่ ทั่วประเทศ วงเงิน โครงการประกันภัยข้าวนาปี,84โครงการประกันภัยข้าวนาปี.โครงการประกันภัยข้าวนาปีสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท (กรอบวงเงินสำหรับพื้นที่เอาประกันภัยจำนวน 3สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่) โดยมาจากเงินงบประมาณคงเหลือ ในปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์559 จำนวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร3.95 ล้านบาท และของบประมาณเพิ่มเติมจำนวน โครงการประกันภัยข้าวนาปี,637.โครงการประกันภัยข้าวนาปี5 ล้านบาท ครอบคลุมภัยธรรมชาติทั้ง 7 ประเภท ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี.น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง 3.ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น 4.ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง 5.ลูกเห็บ 6.ไฟไหม้ และ7.ภัยศัตรูพืช หรือโรคระบาด แบ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวนขั้นต่ำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์5 ล้านไร่ และสำหรับเกษตรกรทั่วไปอีกไม่เกิน 8สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร,สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ไร่
          ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำหน้าที่ผู้บริหารโครงการ โดยแบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีอัตราเบี้ยประกันภัย 9สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีซึ่งทางรัฐบาลจ่ายให้) โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 54 บาทต่อไร่ เกษตรกร ชำระเบี้ยประกันภัย 36 บาทต่อไร่ ทั้งนี้ หากเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ธ.ก.ส. จะช่วยอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 36 บาท ซึ่งเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย ทุกภาค ตั้งแต่วันที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์7มิถุนายน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรถึง 3โครงการประกันภัยข้าวนาปี สิงหาคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และภาคใต้ วันที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์7 มิถุนายน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ถึง โครงการประกันภัยข้าวนาปี5 ธันวาคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 
          ขณะนี้มีบริษัทสมาชิกของสมาคมประกันวินาศภัยไทยที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมรับประกันภัยในโครงการดังกล่าวแล้วทั้งหมด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์4 บริษัท ซึ่งสมาคมฯ ได้ส่งรายชื่อบริษัทประกันภัยดังกล่าวให้กับสำนักงาน คปภ. รับรองฐานะทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ทั้งนี้ ภาคเอกชนเป็นผู้รับประกันภัยตลอดช่วงการเพาะปลูกสำหรับภัยธรรมชาติ 6 ประเภท วงเงินความคุ้มครอง โครงการประกันภัยข้าวนาปี,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์6สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร บาทต่อไร่ (ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์559 วงเงินคุ้มครอง โครงการประกันภัยข้าวนาปี,โครงการประกันภัยข้าวนาปีโครงการประกันภัยข้าวนาปีโครงการประกันภัยข้าวนาปี บาทต่อไร่) และสำหรับภัยศัตรูพืชและโรคระบาดวงเงินความคุ้มครอง 63สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร บาทต่อไร่ (ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์559 วงเงินคุ้มครอง 555 บาทต่อไร่)
          ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร (KU - OAE Foresight Center : KOFC) ได้ติดตามและวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเกษตรจากโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร มีหลักการโดยที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ เป็นผู้เอาประกันภัย สามารถวิเคราะห์ผลกระทบต่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) 4 ส่วน ประกอบด้วย โครงการประกันภัยข้าวนาปี.รัฐบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.ผู้บริหารโครงการฯ (ธ.ก.ส.) 3.บริษัทผู้รับประกันภัย และ 4.เกษตรกร แบ่งเป็น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้าน คือ ด้าน ค่าเบี้ยประกัน และด้านค่าสินไหมทดแทน
          โครงการประกันภัยข้าวนาปี. ด้านค่าเบี้ยประกันภัย
          (โครงการประกันภัยข้าวนาปี) รัฐบาล เป็นผู้อุดหนุนเบี้ยประกันภัยให้เกษตรกร โดยอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 54 บาทต่อไร่รวมเงินช่วยเหลือ โครงการประกันภัยข้าวนาปี,6มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท สำหรับพื้นที่เป้าหมายจำนวน 3สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่ หากพบว่า มีจำนวนพื้นที่เอาประกันภัยมากกว่าพื้นที่เป้าหมายที่เสนอของบประมาณอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยจำนวน 3สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่ กระทรวงการคลังจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม
          (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ผู้บริหารโครงการฯ (ธ.ก.ส.) ได้มีการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 36 บาทต่อไร่ สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์56สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของธ.ก.ส. กำหนด ซึ่งมีวงเงินอุดหนุนทั้งสิ้น โครงการประกันภัยข้าวนาปี,สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร8สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท สำหรับเป้าหมาย 3สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่
          (3) บริษัทผู้รับประกันภัยหรือบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ จ่ายสินไหมทดแทนแก่เกษตรกรซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัย จากการประมาณการเบี้ยประกันภัยที่ผู้รับประกันได้รับสูงสุด มูลค่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,7สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท แบ่งเป็นรับเงินจากรัฐบาลอุดหนุน โครงการประกันภัยข้าวนาปี,6มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาทและธ.ก.ส. อุดหนุนมูลค่า โครงการประกันภัยข้าวนาปี,สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร8สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท สำหรับเป้าหมาย 3สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่ และเกษตรกรทั่วไป ค่าเบี้ยประกันภัย มูลค่า 7มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ล้านบาท สำหรับเป้าหมาย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร.8 ล้านไร่ 
          (4) เกษตรกร เกษตรกรทั่วไปจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์8.8สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านบาท (เป้าหมาย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร.8สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ล้านไร่) ส่วนค่าเบี้ยประกันภัยของเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. ทางธนาคารเป็นผู้ออกให้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ ธ.ก.ส. กำหนด

          เบี้ยประกันที่เกษตรกรจ่าย เงินอุดหนุนจาก ธ.ก.ส. และรัฐบาล และค่าเบี้ยประกันที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะได้รับ

รายละเอียดโครงการ

ตามเงื่อนไขโครงการฯปี 2560

เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส.

เกษตรกรทั่วไป

เป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่

เป้าหมาย 0.8 ล้านไร่

เบี้ยประกันภัย (บาทต่อไร่)

90.00

90.00

90.00

90.00

เกษตรกรจ่ายเบี้ยประกันภัย (บาทต่อไร่)

-  

-  

-  

36.00

ธ.ก.ส.อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย (บาทต่อไร่) /1

36.00

36.00

36.00

-  

รัฐบาลอุดหนุน (บาทต่อไร่)

54.00

54.00

54.00

54.00

พื้นที่เป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ (ล้านไร่)

25.00

27.50

30.00

0.80

ประมาณการจำนวนเกษตรกร/2 (ล้านราย)

1.45

1.59

1.74

                        0.05

ค่าเบี้ยประกันเกษตรกรจ่าย (ล้านบาท)

-  

-  

-  

28.80

ค่าเบี้ยประกัน ธ.ก.ส. อุดหนุน (ล้านบาท)

900.00

990.00

1,080.00

-  

ค่าเบี้ยประกันรัฐบาลอุดหนุน (ล้านบาท)

1,350.00

1,485.00

1,620.00

43.20

รวมค่าเบี้ยประกัน (ล้านบาท)

2,250.00

2,475.00

2,700.00

                      72.00


          ที่มา : คำนวณโดยศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร, กรกฎาคม 2560
          หมายเหตุ : 1. เบี้ยประกันภัยนี้ไม่รวมอาการแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.รัฐบาลอุดหนุนอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม
          /1 ภายใต้สมมุติฐาน ธ.ก.ส. อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ตามเงื่อนไข ธ.ก.ส. 
          กำหนด /2 โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 จำนวนเกษตรกร 1.57 ล้านราย พื้นที่ 27.18 ล้านไร่ เฉลี่ยพื้นที่ 17.29 ไร่ต่อราย

          2. ด้านค่าสินไหมทดแทน
          การวิเคราะห์ค่าสินไหมทดแทน และส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับจากการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 จะมากกว่าปีการผลิต 2559 ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ค่าสินไหมทดแทน และส่วนต่างที่เกษตรกรจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการฯ ปีการผลิต 2560 พบว่า
          กรณี 1 ถ้าพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นร้อยละ 3 ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 935.55 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6 ประเภท มูลค่า 926.10 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 9.45 ล้านบาท ในขณะที่เกษตรกรทั่วไป ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายขั้นต่ำ 0.80 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 29.07 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6ประเภท มูลค่า 28.79 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 0.29 ล้านบาท
          กรณี 2 ถ้าพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นร้อยละ 4 ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 1,247.40 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6 ประเภท มูลค่า 1,234.80 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 12.60 ล้านบาท ในขณะที่เกษตรกรทั่วไป ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายสูงสุด 0.80 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 38.76 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6ประเภท มูลค่า 38.38 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 0.38 ล้านบาท และ 
          กรณี 3 ถ้าพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นร้อยละ 5 ของพื้นที่เข้าร่วมโครงการ พบว่า เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายขั้นต่ำ 25 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 1,559.25 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6 ประเภท มูลค่า 1,543.50 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 15.75 ล้านบาท ในขณะที่เกษตรกรทั่วไป ซื้อประกันภัยครบตามเป้าหมายสูงสุด 0.80 ล้านไร่ และเป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ มีส่วนต่างของเบี้ยจ่ายและค่าสินไหมทดแทน มูลค่า 48.46 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6ประเภท มูลค่า 47.98 ล้านบาท และภัยศัตรูพืช/โรคระบาด มูลค่า 0.48 ล้านบาท

          มูลค่าส่วนต่างที่เกษตรกรลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. และเกษตรกรทั่วไปจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ

          ที่มา : คำนวณโดยศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร, 2560
          หมายเหตุ : /1สัดส่วนการเกิดภัยพิบัติทั้ง 6 ประเภทที่ 98% และภัยศัตรูพืช/โรคระบาดที่ 2% ของพื้นที่เสียหายข้าวจากภัยพิบัติทาง
          ธรรมชาติทั้งหมด /2 ภัย 6 ประเภท คือ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือไต้ฝุ่น ภัยอากาศ
          หนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ และไฟไหม้ และค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากภัย 6 ประเภทมูลค่า 1,260 บาทต่อไร่ และภัย
          ศัตรูพืช/โรคระบาดมูลค่า 630 บาทต่อไร่

          ทั้งนี้ โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 หากมีการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเกิดภัยพิบัติของผู้เอาประกันภัย และเป็นตามเงื่อนไขของกรมธรรม์แล้วตามโครงการฯ นี้เต็มตามเป้าหมาย จะช่วยบรรเทาการลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ในระดับหนึ่ง พร้อมทั้งเป็นการช่วยเหลือให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ในการประกอบอาชีพทางการเกษตรได้ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการบริหารจัดการผลกระทบที่มีต่อโครงการและ/หรือผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนี้
          1. ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ผลักดันให้การประกันภัยพืชผลเป็นมาตรการหลักอย่างยั่งยืน เกษตรกรได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่า การประกันภัยเป็นมาตรการกระจายความเสี่ยงระหว่างสมาชิกและเพื่อให้การกระจายความเสี่ยงเกิดผลสำเร็จเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกทุกคน รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการประกันภัยพืชผลทั่วประเทศและครอบคลุมพืชเศรษฐกิจทุกชนิด
          2. ควรสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรซื้อประกันภัยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ที่เกิดภัยซ้ำซาก อย่างไรก็ตาม ควรมีการพิจารณาขยายประเภทและพื้นที่ของสินค้าเกษตรให้เพิ่มมากขึ้น เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชอื่นๆ เป็นต้น เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับเกษตรให้สามารถประกันภัยความเสี่ยงจากธรรมชาติอย่างทั่วถึง 
          3. สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้มีการพัฒนาฐานข้อมูลด้านการประกันภัย ทั้งจากฐานข้อมูลเชื่อมโยงการขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการจ่ายเงินช่วยเหลือ การจัดทำต้นแบบแผนที่เสี่ยงภัย (Risk Map) สำหรับพืช ปศุสัตว์และประมง ทุกภูมิภาคในประเทศไทยโดยอาศัยหลักความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน (public and private partnership) ให้บรรลุเป้าหมาย
          4. การพัฒนาเทคนิคการประกันภัย โดยนำเทคนิคการประเมินความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อแปลงเพาะปลูกที่เหมาะสมที่สุด เช่น การทดลองนำเทคนิคดัชนีเขตพื้นที่ (Area-Yield Index Insurance) และ การพัฒนาฐานข้อมูลที่จำเป็นในการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้ขยายความคุ้มครองครอบคลุม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
          5. ส่งเสริมให้มีการจัดทำโซนนิ่งและส่งเสริมการเพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันในเขตเดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของภาคเกษตร และสะดวกแก่การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรด้วยมาตรการต่างๆ รวมถึงการอุดหนุนเบี้ยประกันบางส่วนให้สามารถดำเนินการได้ในขณะเริ่มต้น พร้อมทั้งรัฐต้องลดการชดเชยค่าเสียหายจากภัยธรรมชาติลง เพื่อลดภาระทางด้านงบประมาณ
          6. ควรมีการประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางและให้ลงรายละเอียดในเนื้อหามากขึ้น เพื่อให้เกษตรกรเกิดการรับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญ และเกิดความสนใจในการทำประกันภัย
 
 
 

ข่าวสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร+โครงการประกันภัยข้าวนาปีวันนี้

วว. พัฒนาชุดบ่มเลี้ยงหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพย่อยสลายตอซังข้าว ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย วทน.

"ข้าว" เป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในปี 2565 มีพื้นที่นาข้าวประมาณ 70 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 46 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของประเทศ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่นาข้าวมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ ซึ่งภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว จะก่อให้เกิดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซัง และฟางข้าว โดยพบว่า พื้นที่นาข้าว 1 ไร่ จะมีปริมาณตอซังและฟางข้าว โดยเฉลี่ยปีละ 650 กิโลกรัม ดังนั้นเพื่อ

นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษ... สศท. 7 เผยผลศึกษาการบริหารจัดการ "ฟางข้าว" ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคกลาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม — นางอังคณา พุทธศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 7 ช...

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกร... ไทย - จีน จับมือสร้างความสัมพันธ์ พร้อมเปิดตลาดสินค้าด้านการเกษตร — ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกั...

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงา... โครงการส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรในระดับชุมชนสร้างอาชีพมั่นคง ต่อยอดมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร — นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร...

นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักง... ไทยส่งเสริมบทบาทสตรีในภาคเกษตร ผลักดันความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการ ในเวที CFS ครั้งที่ 51 — นางสาวกาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ...

สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินด... สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา — สศก. ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา แหล่งน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเกษตรกรรม และระบบนิเวศครบครัน นายฉันทานนท์...

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศ... สศก. ขึ้นรับรางวัล 'Excellent Open Data Hub' หน่วยงานเปิดเผยชุดข้อมูลเปิดภาครัฐ โครงการ DIGI DATA AWARDS — นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจ...