นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะตลาดที่ผันผัวนและเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคาดการณ์ไม่ได้ TTA ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทหลายแห่งประสบปัญหาทางการเงิน จะเห็นได้ว่า TTA สามารถจ่ายคืนหุ้นกู้กว่า สองพันล้านบาทได้ตรงเวลา ประจวบกับภาวะตลาดขนส่งสินค้าทางเรือและอัตราค่าระวางเรือฟื้นตัว ทำให้ธุรกิจใน TTA Group กลับมาสดใสอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจชิปปิ้ง ที่ดัชนีบอลติค (BDI) ได้ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ระดับ 290 จุด มาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,006 จุด ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มธุรกิจชิปปิ้งสามารถพลิกกลับมามีกำไรอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และได้ซื้อเรือมือสองเพิ่มจำนวน 2 ลำในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคม ในราคา 7.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 13.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดอายุของกองเรือ ในขณะที่ กลุ่มเมอร์เมดมีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งรับอานิสงค์จากบริษัทร่วมที่เมอร์เมดถือหุ้นอยู่ ได้รับความไว้วางใจจากจากลูกค้า ที่ตกลงต่อสัญญาว่าจ้างเรือขุดเจาะ แบบสามขาทั้งสามลำของบริษัทฯ (AOD I, AOD II และ AOD III) ออกไปอีก 3 ปี ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2562 สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นั้น ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้ามีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก สำหรับ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS นั้น ได้รายงานปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา"
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2560 ของแต่ละธุรกิจ
กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง : ในไตรมาสที่ 2/2560 อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของกลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง อยู่ที่ 8,614 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งมากกว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของเรือ Supramax ที่ 8,602 เหรียญสหรัฐต่อวัน อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2/2560 นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากไตรมาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เป็นเงินสดอยู่ที่ระดับ 5,064 เหรียญสหรัฐต่อวัน ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสแรก แต่ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของ ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 98
ตามแผนปรับปรุงกองเรือเพื่อพัฒนากองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้มีความทันสมัยและได้มาตรฐานและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง จึงทำการขายเรือ ไปจำนวน 1 ลำ คือ เรือ M.V. Thor Harmony ขนาด 47,111 DWT ในเดือนเมษายน 2560 แต่ได้ซื้อเรือ M.V. Thor Future ขนาด 54,170 DWT และ เรือ M.V. Thor Confidence ซึ่งมีขนาด 58,781 DWT เข้ามาเสริมกองเรือในเดือนพฤษภาคมและเดือนกรกฏาคม 2560 ตามลำดับ
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2560 TSG เป็นเจ้าของเรือ จำนวน 20 ลำ โดยมีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 52,908 DWT และมีอายุเฉลี่ย 11.93 ปี และหลังจากได้รับมอบเรือลำล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2560 แล้วนั้น TSG เป็นเจ้าของเรือ จำนวน 21 ลำ มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 53,188 DWT และมีอายุเฉลี่ย 11.82 ปี
โดยสรุป ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง มีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 226.9 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ร้อยละ 29 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7184 จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา และมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 95.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 148 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เมอร์เมด มาริไทม์: ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มเมอร์เมด มีรายได้รวมเท่ากับ 1,524.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสแรก เนื่องจากอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 53 ในไตรมาสที่ 1/2560 เป็นร้อยละ 64 ใน ไตรมาสที่ 2/2560 รายได้รวมในไตรมาสนี้ ประกอบด้วยรายได้จากบริการเรือวิศวกรรมใต้ทะเลร้อยละ 78 และรายได้จากบริการวิศวกรรมใต้ทะเลแบบไม่ใช้เรือร้อยละ 22 สำหรับธุรกิจเรือขุดเจาะ Jack-up drilling rigs สเปคสูงสามลำของกลุ่มเมอร์เมด ดำเนินการภายใต้ บริษัทร่วม มีค่าเฉลี่ยการใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ในไตรมาสที่ 2/2560 โดยเรือทั้ง 3 ลำ ได้รับการต่ออายุสัญญาไปอีก 3 ปี ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2562 โดยสรุป ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มเมอร์เมด รายงานผลกำไรสุทธิที่ 124.0 ล้านบาทและมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA ที่ 72.2 ล้านบาท
บมจ. พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA): ในไตรมาสที่ 2/2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 74.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของ TTA 50.7 ล้านบาท ธุรกิจปุ๋ยเคมีของ PMTA ฟื้นตัวจากวัฏจักรอ่อนตัวในไตรมาสแรก เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกข้าว รายได้จากการขายคิดเป็น 791.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากไตรมาสก่อน ซี่งส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จาก 38,000 ตัน ในไตรมาสที่ 1/2560 มาเป็น 54,700 ตัน ในไตรมาสที่ 2/2560
ในปี 2560 PMTA มุ่งเน้นตลาดในประเทศซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตรากำไรสูงกว่า จึงทำให้ปริมาณการขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกถึง ร้อยละ 70 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2559 ร้อยละ 19 โดยมีสัดส่วนการขายในประเทศต่อปริมาณการขายรวมอยู่ที่ร้อยละ 68 เมื่อเทียบกับร้อยละ 57 ในไตรมาสที่ 2/2559 และไตรมาสที่ 1/2560 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ในไตรมาสที่ 2/2559 เป็นร้อยละ 28 ในไตรมาสที่ 2/2560
นอกจากธุรกิจปุ๋ยเคมีแล้ว PMTA ยังมีพื้นที่โรงงานให้เช่าและให้เช่าเต็มพื้นที่ จำนวน 50,500 ตารางเมตร โดยรายได้จากการให้บริการให้เช่าพื้นที่โรงงานในไตรมาสที่ 2/2560 อยู่ที่ 12.3 ล้านบาท และ PMTA อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างบาคองโค 5-B และ บาคองโค 5-C ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่า จำนวน 20,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS): ในไตรมาสที่ 2/2560 รายได้รวมอยู่ที่ 159.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 102 จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจาก 33,600 ตัน ในไตรมาสที่ 2/2559 มาอยู่ที่ 61,300 ตัน ในไตรมาสที่ 2/2560
UMS รายงาน EBITDA ที่ 4.7 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 39 จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 839 จากไตรมาสแรกของปีนี้ ดังนั้น UMS รายงานผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 14.4 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 13.0 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2/2560
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit